1. โดยปกติเบี้ยประกันชีวิตที่บริษัทเรียกเก็บจากผู้เอาประกัน
ก) สูงขึ้นทุกปี
ข) สูงขึ้นในระยะแรก และลดลงในระยะปลาย ค) คงที่ทุกปี
ง) แล้วแต่อัตราใหม่ที่บริษัทอาจเปลี่ยนแปลง
คำตอบ : ค
2. ผู้เอาประกันภัยสามารถเปลี่ยนแบบกรมธรรม์ประกันภัยจากแบบหนึ่งไปเป็นอีกแบบหนึ่งได้หรือไม่
ก) ไม่ได้ เพราะต้องได้รับอนุมัติจากนายทะเบียนเป็นรายๆ
ข) ไม่ได้ เพราะเบี้ยประกันภัยแต่ละแบบไม่เท่ากัน
ค) ได้ โดยได้รับความยินยอมจากบริษัท
ง) ได้ แต่ต้องให้กรมธรรม์มีมูลค่าตามกรมธรรม์
คำตอบ : ค
3. จรรยาบรรณข้อใดที่นายหน้าประกันชีวิตควรปฎิบัติมากที่สุดในการขายประกันชีวิต
ก) ลดเบี้ยประกันภัย เพื่อช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยให้จ่ายเบี้ยประกันภัยลดลง
ข) ช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยให้ได้ทำประกันชีวิต
ค) แนะนำให้ผู้เอาประกันภัยทำประกันภัย โดยมีจำนวนเงินเอาประกันชีวิตที่สูงมากเพื่อจะได้ผลประโยชน์สูงสุด
ง) ให้บริการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ และชี้แจงให้ผู้เอาประกันภัยทราบถึงสิทธิและหน้าที่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย
คำตอบ : ง
4. เมื่อกรมธรรม์ประกันภัยขาดอายุแล้ว ผู้เอาประกันภัย จะขอต่ออายุสัญญาได้หรือไม่
ก) ได้ ถ้าผู้เอาประกันภัยขอต่ออายุสัญญาภายในระยะเวลากำหนด
ข) ได้ตลอดเวลา โดยชำระเบี้ยประกันภัยที่ค้างชำระทั้งหมดรวมดอกเบี้ย
ค) ได้ตลอดเวลา โดยชำระเบี้ยประกันภัยที่ค้างชำระทั้งหมด
ง) ไม่มีข้อใดถูกต้อง
คำตอบ : ก
5. นาย ก ได้ทำประกันชีวิตกับบริษัทแห่งหนึ่ง มีความต้องการเปลี่ยนแบบกรมธรรม์ใหม่ เพราะเห็นว่ามีประโยชน์มากกว่า แล้วมาปรึกษาท่านซึ่งเป็นนายหน้าประกันชีวิต ท่านควรให้ข้อเสนอแนะอย่างไร
ก) เปลี่ยนไปตามความประสงค์ของนาย ก จึงจะนับได้ว่า เป็นนายหน้าประกันชีวิตที่ให้บริการที่ดี
ข) ให้เปลี่ยนแบบกรมธรรม์ให้นาย ก เพราะเป็นความต้องการของนาย ก ไม่ใช่ท่านเป็นผู้แนะนำให้เปลี่ยน
ค) ให้เปลี่ยนแบบกรมธรรม์ให้นาย ก เพราะเป็นหน้าที่ของบริษัทมอบหมายให้ชี้ช่องให้บุคคลทำสัญญาประกันชีวิต
ง) ไม่ควรให้ผู้เอาประกันภัยสละกรมธรรม์เดิมเพื่อทำสัญญาใหม่ เพราะจะทำให้ผู้เอาประกันภัยเสียประโยชน์
คำตอบ : ง
6. การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ธรรมดา ถ้าอายุผู้เอาประกันภัยเท่ากับภัยมาตรฐานและมีจำนวนเงินเอาประกันภัยเท่ากันแบบใด ต้องชำระเบี้ยประกันมากสุด
ก) สะสมทรัพย์ 20/20
ข) สะสมทรัพย์ 10/10
ค) สะสมทรัพย์ 15/15
ง) เท่ากันทั้ง 3 แบบ
คำตอบ : ข
7. นาย ก เป็นนายหน้าประกันชีวิตชี้ช่องให้นาย ข ซึ่งเป็นเพื่อนสนิททำประกันชีวิต ถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิท นาย ก ก็มิได้ลดค่าบำเหน็จให้นาย ข แต่นาย ก ได้นำเงินบำเหน็จดังกล่าวไปใช้จ่ายส่วนตัว ท่านคิดว่านาย ก ทำผิดจรรยาบรรณหรือไม่
ก) ไม่ผิด เพราะไม่ได้ลดค่าบำเหน็จเพื่อจูงใจให้ทำประกันชีวิต
ข) ผิด เพราะไม่ได้ทำให้นาย ข เสียประโยชน์
ค) ผิด เพราะนาย ก ลดค่าบำเหน็จให้นาย ข นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่นาย ข ยังเป็นการช่วยเพื่อนอีกด้วย
ง) ผิด เพราะอาจทำให้กรมธรรม์ขาดผลบังคับ ถ้าหากผู้เอาประกันภัยไม่ชำระเบี้ยประกันภัย
คำตอบ : ก
8. ข้อใดเป็นประโยชน์ของการประกันชีวิตที่มีต่อครอบครัว
ก) เพื่อการศึกษาของบุตร
ข) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของคู่ชีวิตที่เป็นหม้าย
ค) เพื่อเป็นรายได้ ในยามเดือดร้อน
ง) ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
9. ในจำนวนเงินเอาประกันภัยแบบประกันชีวิตที่เท่ากัน อัตราเบี้ยประกันภัยจะเพิ่มขึ้นตามอายุของผู้เอาประกันภัย แต่มีปัจจัยในการพิจารณารับประกันชีวิตบางอย่างที่อาจทำให้เบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นได้
ก) ประวัติการศึกษา
ข) ส่วนได้เสียในเหตุที่เอาประกันภัย
ค) ฐานะการเงิน
ง) ประวัติสุขภาพ
คำตอบ : ง
10. ตารางมรณะไทยที่บริษัทใช้ในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยมาจาก
ก) อัตรามรณะของผู้เอาประกันชีวิตที่แยกตามสาเหตุการเสียชีวิต
ข) อัตรามรณะของประชากรแยกตามอายุต่างๆ
ค) อัตรามรณะของผู้เอาประกันชีวิตที่แยกตามเพศ และอายุ
ง) อัตรามรณะของผู้เอาประกันชีวิตที่แยกตามอาชีพ
คำตอบ : ค
11. คุณสมบัติของการเป็นนายหน้าประกันชีวิตข้อหนึ่งบอกว่า นายหน้าประกันชีวิตต้องมีความซื่อสัตย์ จริงใจต่อผู้เอาประกันภัย และเพื่อนร่วมอาชีพ ข้อใดต่อไปนี้ที่จะแสดงให้เห็นว่านายหน้าประกันชีวิตมีความจริงใจในการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย แต่ประพฤติผิดจรรยาบรรณและศีลธรรมของผู้ประกอบอาชีพนายหน้าประกันชีวิต
ก) ผู้เอาประกันภัยยังไม่มีเงินชำระเบี้ยประกันภัยงวดถัดไป จึงเสนอให้ความช่วยเหลือโดยการพาผู้เอาประกันภัยไปกู้เงินจากบริษัท เพื่อนำมาชำระเบี้ยประกันภัย
ข) ไปบริการเก็บเบี้ยประกันภัยทุกงวดอย่างสม่ำเสมอและคอยให้ความช่วยเหลือในการติดต่อกับบริษัทแทนผู้เอาประกันภัย
ค) เป็นนายหน้าประกันชีวิตที่มีอุดมการณ์ว่าต้องสร้างสรรค์สังคมและหาวิถีทางที่จะให้กลไกของการประกันชีวิตได้รับใช้สังคมมากที่สุด โดยการชี้ช่องให้ครอบครัวที่มีรายได้น้อยทำประกันชีวิตที่มีแต่ความคุ้มครองการเสียชีวิตเท่านั้น เนื่องจากเบี้ยประกันภัยต่ำ
ง) ผู้ขอเอาประกันชีวิตมีภาระต้องใช้เงินมากในขณะที่จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยงวดแรก จึงให้ความช่วยเหลือโดยการลดเงินค่าบำเหน็จจากเบี้ยประกันชีวิตให้ครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นการจูงใจให้ทำประกันชีวิต
คำตอบ : ง
12. ข้อใดต่อไปนี้คือความหมายของการเสี่ยงภัยในแง่ของการประกันชีวิต
ก) ความเป็นไปได้ที่จะประสบอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิต
ข) โอกาสที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บ
ค) ความเป็นไปได้ที่ทุกคนจะประสบกับการสูญเสียรายได้ในอนาคต
ง) ถูกทั้งข้อ ก และ ข
คำตอบ : ง
13. ความหมายของการประกันชีวิตคือข้อใด
ก) วิธีการร่วมป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ข) วิธีการร่วมกันเฉลี่ยภัยอันเนื่องจากการเสียชีวิต สูญูเสียอวยัวะและทุพพลภาพ
ค) วิธีการขจัดภัยที่เกิดขึ้นในอนาคต
ง) วิธีการร่วมกันเฉลี่ยภัยอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
คำตอบ : ข
14. นาย ก เป็นนายหน้าประกันชีวิตได้จัดการให้นาย ข เพื่อนของตนทำประกันชีวิต และในใบคำขอเอาประกันชีวิต นาย ข กรอกข้อมูล ว่ามีบิดาป่วยเป็นโรคร้ายแรงระยะเริ่มต้น นาย ก รู้ดีว่าเพื่อนผู้นี้ต้องดูแลบิดาทุกวันอย่างใกล้ชิด และเห็นว่าเพื่อนๆ ไม่รู้เรืองการป่วยของบิดานาย ข จึงเป็นห่วงเพื่อนๆ คนอื่นซึ่งรับประทานอาหารกับนาย ข ทุกวัน และกลัวว่าเพื่อนอาจมีโอกาสรับเชื้อโรคจาก นาย ข จึงบอกกล่าวแก่เพื่อนๆ การกระทำของนาย ก ผิด หรือ ถูก ตามจรรยาบรรณอาชีพนายหน้าประกันชีวิต เพราะอะไร
ก) ผิด เพราะว่า เปิดเผยความลับของผู้เอาประกันภัยต่อบุคคลภายนอก
ข) ถูก เพราะว่า มีความซื่อสัตย์และจริงใจต่อเพื่อนร่วมอาชีพ
ค) ผิด เพราะว่า มีพฤติกรรมที่ตั้งใจยั่วยุให้เกิดความรังเกียจเพื่อน
ง) ผิด จรรยาบรรณอาชีพนายหน้าประกันชีวิตตามเหตุผลที่กล่าวถึงในข้อ ก และข้อ ค รวมกัน
คำตอบ : ก
15. นาย ก ทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ 15/10 จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท ชำระเบี้ยประกันภัยรายงวด 3 เดือน กรมธรรม์เริ่มมีผลบังคับ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2530 ชำระเบี้ยประกันภัยถึงปีที่ 3 งวด 3 และนาย ก มาขอเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัย เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2534 นาย ก จะได้รับเงินเท่าไร (มูลค่าเวนคืนเงินสด ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 3 = 96 บาท/จำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000 บาท มูลค่าเวนคืนเงินสด ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 4 = 157 บาท/จานวนเงินเอาประกัน 1,000 บาท)
ก) 9,600 บาท
ข) 15,700 บาท
ค) 14,175 บาท
ง) 11,125 บาท
คำตอบ : ค
16. การประกันชีวิตแบบใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับการประกันวินาศภัยมากที่สุด
ก) แบบสะสมทรัพย์
ข) แบบชั่วระยะเวลา
ค) แบบตลอดชีพ
ง) แบบบำนาญ
คำตอบ : ข
17. การประกันชีวิตชนิดมีเงินปันผลและชนิดไม่มีเงินปันผลมีลักษณะที่แตกต่างกัน คือ
ก) ระยะเวลาของการชำระเบี้ยแตกต่างกัน
ข) ระยะเวลาคุ้มครองแตกต่างกัน
ค) จำนวนเงินเอาประกันภัยแตกต่างกัน
ง) อัตราเบี้ยประกันภัยแตกต่างกัน
คำตอบ : ง
18. ในขณะที่กรมธรรม์ยังมีผลบังคับผู้เอาประกันภัยต้องการกู้เงินจากบริษัท ผู้เอาประกันภัยสามารถใช้สิทธิในการกู้เงินจากบริษัท เมื่อ
ก) ยื่นความจำนงต่อบริษัทได้ทุกเวลา
ข) ผู้รับประโยชน์ใช้สิทธิในการกู้เงินจากบริษัท
ค) กรมธรรม์มีมูลค่าเวนคืนเงินสด โดยกู้เงินได้ไม่เกินจำนวนเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ขณะนั้น ง) บริษัทยินยอม
คำตอบ : ค
19. ผู้รับประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยรายหนึ่งได้ไปติดต่อขอรับเงินกรณีผู้เอาประกันภัยถึงแก่กรรมปรากฏว่าบริษัทแจ้งว่ากรมธรรม์ สิ้นสุดระยะเวลาขยายไปแล้ว 3 เดือน บริษัทไม่ต้องจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้ หมายความว่า
ก) ผู้เอาประกันภัยได้เวนคืนกรมธรรม์ขอรับเงินสดคืนไปเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว
ข) ผู้เอาประกันภัยได้เปลี่ยนกรมธรรม์เป็นแบบใช้เงินสำเร็จและสิ้นสุด ระยะเวลาคุ้มครองไปแล้ว 3 เดือน
ค) ผู้เอาประกันภัยได้เปลี่ยนกรมธรรม์เป็นแบบขยายเวลา และสิ้นสุด ระยะเวลาคุ้มครองไปแล้ว 3 เดือน
ง) ผู้เอาประกันภัยขาดชำระเบี้ยประกันภัยเกินระยะเวลาผ่อนผันไปแล้ว 3 เดือน
คำตอบ : ค
20. การประกันชีวิตแบบตลอดชีพชำระเบี้ยประกันภัย 20 ปี ผู้เอาประกันภัยขอเวนคืนกรมธรรม์เพื่อขอรับเงินสดได้หรือไม่
ก) ได้ ถ้าได้ชำระเบี้ยประกันภัย และมีมูลค่าเงินสด
ข) ได้ เพราะเบี้ยประกันชีวิตสูง
ค) ไม่ได้
ง) ไม่ได้ เพราะเบี้ยประกันชีวิตต่ำ ไม่มีส่วนของการออมทรัพย์
คำตอบ : ก
21. นาย ก ทำประกันชีวิตไว้กับนาย ข ต่อมาเมื่อครบปีแล้วนาย ข จึงเรียกเก็บเงินเบี้ยประกันชีวิตปีสองจากนาย ก แต่เนื่องจากนาย ก กำลังมีปัญหาเรื่องหนี้สินอันเกิดจากการลงทุนผิดพลาด และยังไม่สามารถชำระเงินได้ในขณะนั้น นาย ข จึงนำเรื่องมาบอกแก่บริษัทประกันชีวิตเพื่อขอขยายเวลาชำระเบี้ยประกันชีวิต ดังนี้นาย ข กระทำผิดจรรยาบรรณนายหน้าหรือไม่
ก) ผิด เพราะนาย ข นำเรื่องความผิดพลาดของนาย ก มาบอกแก่ผู้อื่น
ข) ผิด เพราะนาย ก ไม่ชำระเบี้ยประกันตามกำหนดเป็นความผิดพลาดของนาย ก เอง
ค) ไม่ผิด เพราะเป็นเรื่องปกติที่นายหน้าจะหาทางแก้ปัญหาให้ผู้เอาประกันภัย
ง) ไม่ผิด เพราะบริษัทประกันชีวิตไม่ใช่บุคคลภายนอก
คำตอบ : ง
22. หากท่านสอบผ่านได้เป็นนายหน้าประกันชีวิต ท่านคิดว่าจำเป็นหรือไม่ที่ท่านจะต้องหาความรู้เกี่ยวกับการประกันชีวิตเพิ่มเติม
ก) ไม่จำเป็น เพราะต่อไปจะทำหน้าที่ขายประกันชีวิตอย่างเดียว
ข) ไม่จำเป็น เพราะเมื่อสอบผ่านแล้วแสดงว่ามีความรู้เพียงพอแล้ว
ค) จำเป็น เพราะควรจะมีความรู้ให้กว้างขวางและข่าวสารที่ทันสมัยจะได้อธิบายลูกค้าได้
ง) จำเป็น เพราะต้องการเข้าสังคม
คำตอบ : ค
23. นาย ก จะเอาประกันชีวิต นาง ข ซึ่งเป็นภรรยา โดยระบุให้นาย ก เป็นผู้รับประโยชน์ ต่อมา นาย ก ได้หย่าขาดจากนาง ข และนาง ข ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต นาย ก จะได้รับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือไม่
ก) ไม่ได้ เพราะได้หย่าขาดกันแล้ว
ข) ไม่ได้ เพราะนาย ก ไม่มีส่วนได้เสียในชีวิต นาง ข
ค) ได้รับ เพราะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
ง) ได้รับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย เพราะนาย ก มีส่วนได้เสียในชีวิต นาง ข ในขณะทำสัญญาประกันภัย
คำตอบ : ง
24. การประกันชีวิตประเภทสามัญ มีระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยกี่วัน
ก) 15 วัน
ข) 31 วัน
ค) 60 วัน
ง) 120 วัน
คำตอบ : ข
25. ถ้าผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตถึงแก่มรณะก่อนผู้เอาประกันภัย สัญญาประกันชีวิตจะเป็นอย่างไร
ก) สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะ
ข) สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะ
ค) สัญญาประกันชีวิตไม่มีผลผูกพันคู่สัญญา
ง) สัญญาประกันชีวิตยังคงมีผลบังคับโดยสมบูรณ์ โดยผู้เอาประกันภัยอาจแจ้งขอเปลี่ยนแปลงผ้รูับประโยชน์ใหม่ได้
คำตอบ : ง
26. การยื่นคำขอต่อใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตผู้ขอต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตตามแบบที่ผู้ใดกำหนด
ก) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ข) ปลัดกระทรวงพาณิชย์
ค) ปลัดกระทรวงการคลัง
ง) นายทะเบียน
คำตอบ : ง
27. หากนายหน้าประกันชีวิตไม่แสดงใบอนุญาตการเป็นนายหน้าทุกครั้งที่มีการชี้ช่องให้บุคคลทำสัญญาประกันชีวิตหรือรับเบี้ยประกันภัยในนามบริษัทประกันชีวิตต้องมีโทษดังนี้
ก) ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ข) ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
ค) ปรับไม่เกินสามหมื่นบาท
ง) ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท
คำตอบ : ค
28. บิดาทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ระยะเวลาเอาประกันภัย 25 ปี ให้บุตร โดยบุตรเป็นผู้เอาประกันภัย และบิดาเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว เป็นเงิน 120,000 บาท อยากทราบว่าบิดาสามารถนำค่าเบี้ยประกันภัยนี้ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้หรือไม่
ก) ไม่ได้
ข) ได้ เป็นเงิน 100,000 บาท
ค) ได้ เป็นเงิน 120,000 บาท
ง) ได้ เป็นเงิน 50,000 บาท
คำตอบ : ก
29. ตามสัญญาประกันภัย เงินที่ผู้เอาประกันภัยต้องส่งให้กับผู้รับประกันภัยเรียกว่าอย่างไร
ก) ค่าสินไหมทดแทน
ข) ดอกเบี้ย
ค) เบี้ยประกันภัย
ง) ค่าธรรมเนียม
คำตอบ : ค
30. นางน้ำได้ทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง จำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000,000 บาท ระบุนางนาเป็นผู้รับประโยชน์ ซึ่งนางนาได้รับกรมธรรม์ประกันชีวิตและแสดงเจตนาถือเอาประโยชน์ตามสัญญาเป็นหนังสือไปยังบริษัทนั้นแล้ว ต่อมาปรากฏว่านางนาเสียชีวิต และต่อมานางน้ำได้เสียชีวิตลง สิทธิในเงินตามสัญญาประกันชีวิตจะตกเป็นของใคร
ก) ตกทอดเป็นทรัพย์มรดกไปยังทายาทของนางนา
ข) ตกทอดเป็นทรัพย์มรดกไปยังทายาทของนางน้ำ
ค) ตกทอดเป็นทรัพย์มรดกแก่ยังทายาทนางนาและนางน้ำ
ง) ไม่ตกทอดเป็นทรัพย์มรดกจนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดกโดยคำสั่งศาล
คำตอบ : ข
31. การประกันชีวิตประเภทอุตสาหกรรมมีเงื่อนไขให้ความคุ้มครองการประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุในกรมธรรม์ฉบับเดียวกันจะเลือกซื้อเฉพาะการประกันชีวิตไม่ได้ เพราะเหตุใด
ก) ผู้เอาประกันภัยประเภทนี้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงมาก
ข) อัตราเบี้ยประกันภัยประเภทอุตสาหกรรมที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนเป็นอัตราเบี้ยประกันภัยที่ร่วมการประกันชีวิตและการประกันอุบัติเหตุ ซึ่งไม่อาจแบ่งแยกได้
ค) การประกันชีวิตประเภทนี้ไม่ตรวจสุขภาพจึงต้องประกันอุบัติเหตุด้วย
ง) ทำให้ผู้เอาประกันภัยจ่ายเบี้ยประกันภัยต่ำ แต่จำนวนเงินเอาประกันภัยสูง
คำตอบ : ข
32. การทำประกันชีวิตนั้น ผู้ที่จะเอาประกันชีวิตบุคคลอื่นได้นั้น จะต้องมีส่วนได้เสียกับบุคคลใดต่อไปนี้ตามสัญญาประกันภัย
ก) ผู้รับประกันภัย
ข) ผู้รับประโยชน์
ค) ผู้เอาประกันภัย
ง) ข้อ ก. ข. และ ค. ถูก
คำตอบ : ค
33. การประกันชีวิตประเภทใดที่ไม่มีการตรวจสุขภาพ
ก) ประเภทสามัญ ประเภทอุตสาหกรรม
ข) ประเภทสามัญ ประเภทกลุ่ม
ค) ประเภทอุตสาหกรรม
ง) ถูกทั้ง 3 ข้อ
คำตอบ : ค
34. นาย ก ทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และซื้อความคุ้มครองการประกันชีวิต และประกันอุบัติเหตุแนบมาในกรมธรรม์ด้วย หากนาย ก อยู่ครบสัญญาจะได้เงินเอาประกันชีวิตเป็นจำนวนเงินประกันชีวิตเท่าใด
ก) เท่ากับ จำนวนเงินเอาประกันภัย
ข) สองเท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ค) สามเท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ง) ไม่ต้องจ่ายจำนวนเงินใดๆ เลย
คำตอบ : ก
35. ข้อใดเป็นสิ่งที่นายหน้าประกันชีวิตไม่พึงปฏิบัติ
ก) ไม่กล่าวให้ร้ายทับถมนายหน้าฯ หรือ บริษัทอื่น
ข) ลดหรือเสนอที่จะลดค่าบำเหน็จเพื่อจงูใจให้เอาประกันภัย
ค) เปิดเผยข้อความจริงของผู้เอาประกันภัยในส่วนที่เป็นสาระสำคัญเพื่อการพิจารณารับประกันภัย
ง) รักษาความลับอันไม่ควรเปิดเผยของผู้เอาประกันภัยและของบริษัทต่อบุคคลภายนอก
คำตอบ : ข
36. กรมธรรม์ประกันภัยแบบเงินได้ประจำ เหมาะสำหรับบุคคลที่
ก) ต้องการสร้างฐานะ
ข) ต้องการความคุ้มครองระยะสั้น
ค) มีรายได้น้อย
ง) ต้องการเงินไว้ใช้จ่ายยามชรา
คำตอบ : ง
37. การประกันชีวิตแบบใดที่บริษัทจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยให้แกผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต ก่อนสัญญาครบกำหนดหรือมีชีวิตอยู่รอดจนสัญญาครบกำหนด
ก) แบบสะสมทรัพย์
ข) แบบชั่วระยะเวลา 20ปี
ค) แบบตลอดชีพ
ง) แบบตลอดชีพ มีเงินปันผล
คำตอบ : ก
38. ผู้เอาประกันภัยที่มีสุขภาพไม่สมบูรณ์เหมือนคนทั่วไป แต่บริษัทประกันชีวิตพิจารณาแล้วสามารถรับประกันชีวิตได้ผู้เอาประกันภัยคนนั้น
ก) ต้องแจ้งผลการตรวจสุขภาพให้บริษัททราบทุกปี
ข) ต้องชำระเบี้ยประกันภัยในอัตราปกติ เพราะบริษัทตกลงรับประกันชีวิตแล้ว
ค) ต้องชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มกว่าอัตราปกติ
ง) ไม่ต้องแจ้งผลการตรวจสุขภาพ แต่ต้องชำระเบี้ยประกันภัยในอัตราปกติ
คำตอบ : ค
39. บุคคลใดต่อไปนี้ที่บริษัทสามารถพิจารณารับประกันชีวิตได้
ก) คนวิกลจริต
ข) นิติบุคคล
ค) ผู้เยาว์ที่มีสุขภาพสมบูรณ์
ง) คนที่อายุเกินอัตราเบี้ยประกันภัยที่บริษัทประกันชีวิตกำหนด
คำตอบ : ค
40. สัญญาประกันชีวิตจะตกเป็นโมฆียะ ในกรณีดังต่อไปนี้
ก) ผู้เอาประกันภัยแถลงข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งถ้าหากผู้รับประกันภัยทราบความจริงอาจบอกปัดไม่ยอมรับประกันชีวิต
ข) ผู้เอาประกันภัยแถลงข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งถ้าหากผู้รับประกันภัยทราบความจริงจะต้องเพิ่มเบี้ยประกันภัยขึ้นอีก
ค) ผู้เอาประกันภัยแถลงอายุคลาดเคลื่อน และอายุที่ถูกต้องแท้จริงอยู่นอกจากอัตราตามทางการค้าปกติของผู้รับประกันภัย
ง) ถูกทั้งข้อ ก. ข. ค.
คำตอบ : ก
41. ในขณะนี้ปัญหาของนายหน้าประกันชีวิตที่เกิดขึ้นมากที่สุด คือการที่เก็บเบี้ยประกันภัยแล้วไม่ส่งเข้าบริษัท ถ้าท่านเป็นนายหน้าประกันชีวิตที่มีความมุ่งมั่นในอาชีพ ท่านจะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร
ก) ไม่กระทำพฤติกรรมดังกล่าว
ข) มีความซื่อสัตย์ต่อผู้เอาประกันภัย บริษัทและเพื่อนร่วมอาชีพ
ค) พยายามแก้ไขภาพพจน์ ด้วยการชักชวนเพื่อนร่วมอาชีพไม่ให้กระทำพฤติกรรมดังกล่าว
ง) ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
42. นาย ก เป็นนายหน้าประกันชีวิตซึ่งบริการลูกค้าของตนเองดีมาก แต่นาย ก มีนิสัยเจ้าชู้และมีภรรยาหลายคน พฤติกรรมของนาย ก นี้ผิดจรรยาบรรณและศีลธรรมของนายหน้าประกันชีวิตหรือไม่
ก) ผิด เพราะไม่ได้ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมประเพณีอันดีงาม
ข) ไม่ผิด เพราะ นาย ก ยังให้บริการที่ดีแก่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
ค) ไม่ผิด เพราะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวต้องแยกออกจากกัน
ง) ผิด เพราะเมื่อมีพฤติกรรมเช่นนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายมาก อาจเป็นผลก่อให้เกิดการทุจริตในเรื่องเงินได้
คำตอบ : ง
43. ในฐานะที่ท่านเป็นนายหน้าประกันชีวิต ท่านควรจะแนะนำผู้เอาประกันภัยอย่างไร
ก) แนะนำให้ผู้เอาประกันภัย เข้าใจถึงเงื่อนไขและผลประโยชน์ที่จะได้รับก่อนลงชื่อในใบคำขอทำประกันชีวิต
ข) แนะนำให้ผู้เอาประกันภัย ทำประกันชีวิต โดยมีจำนวนเงินเอาประกันชีวิตที่สูงมากเพื่อจะได้ประโยชน์สูงสุด
ค) แนะนำให้ผู้เอาประกันภัยเข้าใจว่านายหน้าประกันชีวิตเป็นผู้ต้องรับผิดชอบในการเก็บเบี้ยประกันชีวิตทุกงวด
ง) ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ก
44. ข้อใดต่อไปนี้ที่บริษัทประกันชีวิตไม่ต้องจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต
ก) ผู้เอาประกันภัยฆ่าตัวตายในปีที่ 2 นับแต่วันทำสัญญา
ข) ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในระยะเวลารอคอย
ค) ผู้เอาประกันภัยถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าตายโดยเจตนา
ง) ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ค
45. ใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตมีอายุใช้ได้ถึงเมื่อใดสำหรับการออกใบอนุญาตในครั้งแรก
ก) ตลอดชีพ
ข) หนึ่งปีนับจากวันที่ออกใบอนุญาต
ค) สองปีนับจากวันที่ออกใบอนุญาต
ง) สามปีนับจากวันที่ออกใบอนุญาต
คำตอบ : ข
46. ท่านคิดว่าข้อใดถูกที่สุด
ก) นายหน้าประกันชีวิตที่ดีจะต้องไม่กล่าวให้ร้ายต่อนายหน้าประกันชีวิตอื่นที่ประกอบอาชีพเดียวกับตน
ข) นายหน้าประกันชีวิตที่ดีจะต้องไม่กล่าวให้ร้ายต่อนายหน้าประกันชีวิตอื่นและบริษัทประกันชีวิต
ค) นายหน้าประกันชีวิตที่ดีจะต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ของการเป็นนายหน้าประกันชีวิตที่ดี
ง) ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ง
47. ข้อใดต่อไปนี้ที่ไม่มีความจำเป็นต้องกรอกในใบคำขอเอาประกันชีวิต
ก) อาชีพผู้ขอเอาประกันภัย
ข) ที่อยู่ผู้ขอเอาประกันภัย
ค) อายุของคู่สมรส
ง) สุขภาพของผู้เอาประกันภัย
คำตอบ : ค
48. นาย ก ได้ทำประกันชีวิตกับบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งโดยได้แจ้งแก่นายหน้าประกันชีวิตว่าตนเป็นโรคเบาหวาน นายหน้าประกันชีวิตเกรงว่าถ้าแจ้งความจริงให้บริษัททราบแล้วจะทำให้การพิจารณารับประกันภัยของบริษัทฯ ล่าช้าจึงไม่แจ้งแก่บริษัท ในกรณีนี้นายหน้าประกันชีวีตทำถูกหรือไม่
ก) ถูก เนื่องจากเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ขอทำประกันชีวิต
ข) ถูก เนื่องจากนายหน้าต้องการรักษาความลับของผู้เอาประกันภัย
ค) ผิด เนื่องจากนายหน้าไม่เปิดเผยข้อความจริงของนาย ก แก่บริษัทในส่วนที่เป็นสาระสำคัญในการพิจารณารับประกันภัย
ง) ผิด เนื่องจากนายหน้าเสนอขายกรมธรรม์โดยไม่แจ้งเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์
คำตอบ : ค
49. กรณีที่ผู้เอาประกันภัยมีสุขภาพไม่สมบูรณ์บริษัทจะคำนวณเบี้ยประกันภัยอย่างไร
ก) เพิ่มตามความเสี่ยงของอัตรามรณะที่เพิ่มขึ้น
ข) เพิ่มในอัตราถดถอย
ค) เพิ่มในอัตราคงที่
ง) เพิ่มในอัตราก้าวหน้า
คำตอบ : ก
50. ใบคำขอเอาประกันชีวิตสำคัญอย่างไร
ก) เพื่อเป็นหลักฐานในการแสดงเจตนาทำประกันชีวิต
ข) เพื่อเป็นหลักฐานในการเรียกค่าเสียหาย
ค) เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเสียภาษี
ง) ผิดทุกข้อ
คำตอบ : ก
51. บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดล่วงหน้าแก่บุคคลใดเป็นค่านายหน้าหรือค่าตอบแทนสำหรับงานที่จะทำให้แก่บริษัทได้หรือไม่
ก) ไม่ได้ เพราะพระราชบัญญัติประกันชีวิตห้ามไว้
ข) ไม่ได้ เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน
ค) ได้ เพราะพระราชบัญญัติประกันชีวิตไม่ได้ห้ามไว้
ง) ไม่ได้ เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
คำตอบ : ก
52. นายแสง อายุ 25 ปี สัญชาติไทย มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศกัมพูชา ได้สอบความรู้เกี่ยวกับประกันชีวิตได้แล้ว จึง มายื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิต ดังนี้นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตให้นายแสงหรือไม่ เพราะเหตุใด
ก) ได้ เพราะขอรับใบอนุญาตมีสัญชาติไทยและบรรลุนิติภาวะแล้ว
ข) ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าผู้ขอรับใบอนุญาตต้องมีภูมิลำเนาในประเทศไทย
ค) ไม่ได้เนื่องจากผู้ขอรับใบอนุญาตต้องมีภูมิลำเนาในประเทศไทย
ง) ถูกทั้งข้อ ก และ ข้อ ข
คำตอบ : ค
53. นายขาว นายหน้าประกันชีวิตถูกฟ้องคดีฐานปล้นทรัพย์ ศาลยกฟ้อง นายขาวขาดคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตหรือไม่
ก) ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากถูกฟ้องคดีฐานปล้นทรัพย์
ข) ไม่ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในคดีดังกล่าว
ค) ไม่ขาดคุณสมบัติ เนื่องจาก พรบ.ประกันชีวิต พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พรบ.ประกันชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 ไม่ได้บัญญัติไว้
ง) ขาดคุณสมบัติเพราะยังไม่พ้นโทษ
คำตอบ : ข
54. นายใจได้รับคำสั่งนายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2541 นายใจมีความประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว จะต้องอุทธรณ์ภายในวันที่เท่าใด
ก) 16 กันยายน 2541
ข) 1 ตุลาคม 2541
ค) 31 ตุลาคม 2541
ง) 30 พฤศจิกายน 2541
คำตอบ : ก
55. รายการในใบเสร็จรับเงินตามกฎหมายอาจไม่มีรายการใดต่อไปนี้ได้
ก) ชื่อบริษัท
ข) ชื่อผู้ชำระเบี้ยประกันภัย
ค) ชื่อผู้เอาประกันภัย
ง) ไม่มีข้อถูก
คำตอบ : ง
56. นาย ก ทำสัญญาประกันชีวิตโดยให้นาง ข ภริยาเป็นผู้รับประโยชน์และมอบกรมธรรม์ให้นาง ข. ไว้ ต่อมานาง ข. ทะเลาะกับนาย ก เนื่องจากรู้ว่า นาย ก ไปมีภริยาน้อย และกำลังจะเปลี่ยนให้ลูกของภริยาน้อยเป็นผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์แทน นาง ข. จึงส่งจดหมายแจ้งบริษัทประกันชีวิต ห้ามบริษัทรับแก้ไขเปลี่ยนแปลงผู้รับประโยชน์ ต่อมาภายหลัง นาย ก. มาติดต่อบริษัทและแจ้งให้ ด.ช.แดง ซึ่งเป็นบุตรตนกับภริยาน้อยเป็นผู้รับประโยชน์แทน บริษัทเห็นว่า ด.ช.แดง เป็นทายาทนาย ก. เป็นผู้มีส่วนได้เสีย จึงออกบันทึกสลักหลังให้ นาย ก. ไว้ หลังจากนั้น 1 ปี นาย ก.เสียชีวิต บริษัทได้จ่ายเงินให้แก่ ด.ช.แดง เป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่
ก) ถูกต้องแล้ว เพราะนาย ก. เป็นเจ้าของกรมธรรม์ และ ด.ช.แดง เป็นบุตรมีสิทธิเป็นผู้รับประโยชน์สามารถแก้ไขเปลี่ยนเจตนาได้
ข) ถูกต้องแล้ว เพราะได้มีการแจ้งแก้ไขเปลี่ยนแปลงถูกต้องตามเงื่อนไขสัญญาและบริษัทยินยอมแล้ว
ค) ไม่ถูกต้อง เพราะ นาง ข. มีสิทธิเป็นผู้รับประโยชน์อยู่ก่อน และได้แสดงเจตนาถือเอาประโยชน์แล้ว แม้ว่าเจ้าของกรมธรรม์ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้
ง) ไม่ถูกต้อง เพราะต้องจ่ายให้ทั้งนาง ข. และ ด.ช.แดง เพราะทั้งสองต่างก็มีสิทธิเป็นผู้รับประโยชน์ทั้งคู่
คำตอบ : ค
57. สัญญาประกันชีวิตเกิดขึ้นเมื่อใด
ก) ผู้เอาประกันภัยได้รับกรมธรรม์
ข) บริษัทออกกรมธรรม์ให้
ค) ผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ย
ง) บริษัทตกลงรับประกันภัย แม้มิได้มีลายลักษณ์อักษร
คำตอบ : ง
Comments