top of page

วิเคราะห์ข้อสอบ หลักการประกันวินาศภัย ข้อ 011-020

  • รูปภาพนักเขียน: P'MEN
    P'MEN
  • 23 ก.ย.
  • ยาว 1 นาที
นักเรียนในชุดเครื่องแบบเรียนกับผู้หญิงในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่โต๊ะ มีข้อความ "ติวสอบ" และ "หลักการประกันวินาศภัย" ด้านข้าง



เนื้อหาและวิเคราะห์ข้อสอบนายหน้าประกันวินาศภัย

หัวข้อ "หลักการประกันวินาศภัย"


ข้อ 011 - 020 จะใส่ไว้ในคอมเม้นต์ด้านล่างแนะนำให้เลื่อนลงไปจนสุดหน้า



ข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ 

ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิกของศรีกรุงโบรคเกอร์ได้อย่างง่ายดาย โดยเพียงแค่ ซื้อประกันอุบัติเหตุสำหรับสมาชิก ซึ่งถือเป็นการสมัครสมาชิก เมื่อเป็นสมาชิกแล้ว คุณจะสามารถซื้อประกันวินาศภัยทุกประเภทกับศรีกรุงโบรคเกอร์ได้ในราคาพิเศษทันที


นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพเสริมเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยหรือนายหน้าประกันชีวิต ยังมีโอกาสในการสอบและเข้ารับการอบรมเพื่อขอใบอนุญาตกับศรีกรุงโบรคเกอร์ได้อีกด้วย






ศึกษาสิทธิประโยชน์ของสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์


ติดต่อได้ที่

Line ID : @srikrung168

หรือโทร 0939636151


ซื้อประกันอุบัติเหตุ พร้อมสมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์


ซื้อประกันภัยออนไลน์

 
 
 

10 ความคิดเห็น


P'MEN
P'MEN
23 ก.ย.

20. ข้อใดไม่ใช้หน้าที่ของผู้เอาประกันภัย

 ก. หน้าที่ที่เปิดเผยข้อความจริง

 ข. หน้าที่ที่บอกกล่าวการเกิดวินาศภัย

 ค. หน้าที่ที่ป้องกันรักษาทรัพย์สินที่เอาประกันภัย

 ง. หน้าที่ในการรับช่วงสิทธิ์

การวิเคราะห์โจทย์และคำตอบ 🕵️‍♂️


โจทย์ข้อนี้ถามว่า "ข้อใดไม่ใช้หน้าที่ของผู้เอาประกันภัย" ซึ่งเป็นคำถามที่ต้องการให้เราพิจารณาว่าข้อความใดที่ไม่ได้เป็นภาระหน้าที่หลักที่ผู้เอาประกันภัยต้องปฏิบัติตามสัญญาประกันภัย


เรามาวิเคราะห์แต่ละตัวเลือกกันครับ:

  • ก. หน้าที่ที่เปิดเผยข้อความจริง:

    • นี่คือหน้าที่สำคัญที่สุดของผู้เอาประกันภัยตาม หลักความสุจริตใจอย่างยิ่ง (Utmost Good Faith) ผู้เอาประกันภัยต้องเปิดเผยข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงให้บริษัทประกันทราบอย่างครบถ้วน

  • ข. หน้าที่ที่บอกกล่าวการเกิดวินาศภัย:

    • นี่ก็เป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น ผู้เอาประกันภัยต้องรีบแจ้งให้บริษัทประกันทราบถึงการเกิดเหตุเพื่อที่บริษัทจะได้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและประเมินค่าความเสียหาย

  • ค. หน้าที่ที่ป้องกันรักษาทรัพย์สินที่เอาประกันภัย:

    • นี่คือหน้าที่โดยทั่วไปที่ผู้เอาประกันภัยต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยไว้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น หากละเลย หน้าที่นี้อาจส่งผลกระทบต่อการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้

  • ง. หน้าที่ในการรับช่วงสิทธิ์:

    • นี่คือหน้าที่ของบริษัทประกันภัย ไม่ใช่ของผู้เอาประกันภัย เมื่อบริษัทประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว บริษัทประกันจะมีสิทธิเข้า "รับช่วงสิทธิ" ในการเรียกร้องค่าเสียหายจากบุคคลภายนอกที่ทำละเมิดแทนผู้เอาประกันภัย ดังนั้นข้อนี้จึงไม่ใช่หน้าที่ของผู้เอาประกันภัย


คำตอบที่ถูกต้องที่สุด


ง. หน้าที่ในการรับช่วงสิทธิ์


เหตุผล


การรับช่วงสิทธิ (Subrogation) เป็นหลักการที่ให้สิทธิแก่ ผู้รับประกันภัย (บริษัทประกัน) ในการไปไล่เบี้ยค่าเสียหายคืนจากผู้ทำละเมิดที่ทำให้เกิดความเสียหาย หลังจากที่บริษัทได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว ซึ่งหน้าที่นี้เป็นของบริษัทประกันโดยตรง ไม่ใช่ของผู้เอาประกันภัยครับ.

ถูกใจ

P'MEN
P'MEN
23 ก.ย.

19. การจัดการการเสี่ยงภัยแบบใดที่เป็นความหมายของการประกันภัย

 ก. การลดความเสี่ยงภัย

 ข. การรับความเสี่ยงภัยไว้เอง

 ค. การโอนความเสี่ยงภัย

 ง. การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงภัย

การวิเคราะห์โจทย์และคำตอบ 🕵️‍♂️


โจทย์ข้อนี้ถามถึง "การจัดการความเสี่ยงภัย" ในรูปแบบที่เป็นความหมายของการประกันภัย ซึ่งมี 4 วิธีหลักๆ ได้แก่ การหลีกเลี่ยง, การลด, การรับไว้เอง, และการโอนความเสี่ยงภัย

  • ก. การลดความเสี่ยงภัย (Risk Reduction): คือการใช้วิธีต่างๆ เพื่อลดโอกาสหรือความรุนแรงของความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เช่น การติดตั้งสัญญาณเตือนไฟไหม้ในบ้าน

  • ข. การรับความเสี่ยงภัยไว้เอง (Risk Retention): คือการตัดสินใจที่จะยอมรับผลของความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง โดยไม่มีการทำประกันภัย เช่น การไม่ทำประกันรถยนต์

  • ง. การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงภัย (Risk Avoidance): คือการไม่เข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง เช่น การไม่ขับรถเลยเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

  • ค. การโอนความเสี่ยงภัย (Risk Transfer): นี่คือหัวใจสำคัญของการประกันภัย การประกันภัยคือการที่ผู้เอาประกันภัย "โอน" ความเสี่ยงจากตนเองไปยังผู้รับประกันภัย (บริษัทประกัน) โดยแลกกับการชำระเบี้ยประกันภัย เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น บริษัทประกันก็จะเข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบตามเงื่อนไขในกรมธรรม์


คำตอบที่ถูกต้องที่สุด


ค. การโอนความเสี่ยงภัย


เหตุผล


การโอนความเสี่ยงภัย (Risk Transfer) เป็นการจัดการความเสี่ยงที่ตรงกับแนวคิดของการประกันภัยที่สุด เพราะเป็นการย้ายภาระความรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ไปให้บริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบแทนผู้เอาประกันภัยครับ.

ถูกใจ

P'MEN
P'MEN
23 ก.ย.

18. ข้อใดไม่ใช่เหตุการณ์ที่เป็นการเสี่ยงภัยที่แท้จริง (Pure Risk)

 ก. การเกิดไฟไหม้

 ข. การเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม

 ค. รถยนต์ชนกัน

 ง. การขาดทุนจากการซื้อหุ้น


การวิเคราะห์โจทย์และคำตอบ 🕵️‍♂️


โจทย์ข้อนี้ถามว่า "ข้อใดไม่ใช่เหตุการณ์ที่เป็นการเสี่ยงภัยที่แท้จริง (Pure Risk)" ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญในการแบ่งประเภทของความเสี่ยงในทางประกันภัย


เรามาทำความเข้าใจความหมายของคำว่า "การเสี่ยงภัยที่แท้จริง" กันก่อนครับ

การเสี่ยงภัยที่แท้จริง (Pure Risk) คือ ความเสี่ยงที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำให้เกิด ความเสียหาย เท่านั้น ไม่มีโอกาสที่จะได้กำไรหรือผลประโยชน์จากการเสี่ยงนั้น เช่น การเกิดอุบัติเหตุ, ไฟไหม้, น้ำท่วม, การเจ็บป่วย ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สามารถทำประกันภัยเพื่อโอนความเสี่ยงไปยังบริษัทประกันได้


ในทางตรงกันข้าม การเสี่ยงภัยจากการเสี่ยงโชค (Speculative Risk) คือความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดได้ทั้ง ความเสียหาย, กำไร หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น การลงทุนในหุ้น, การพนัน ซึ่งความเสี่ยงประเภทนี้ไม่สามารถทำประกันภัยได้


เรามาพิจารณาแต่ละตัวเลือกกันครับ:

  • ก. การเกิดไฟไหม้: หากเกิดไฟไหม้ขึ้นมีแต่ความเสียหาย ไม่มีโอกาสที่จะได้กำไรจากการที่ไฟไหม้ ดังนั้นเป็น Pure Risk

  • ข. การเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม: หากลื่นล้มมีแต่จะบาดเจ็บหรือได้รับความเสียหาย ไม่มีโอกาสที่จะได้กำไรจากการลื่นล้ม ดังนั้นเป็น Pure Risk

  • ค. รถยนต์ชนกัน: หากรถยนต์ชนกันมีแต่จะได้รับความเสียหาย ไม่มีโอกาสที่จะได้กำไรจากการชนกัน ดังนั้นเป็น Pure Risk

  • ง. การขาดทุนจากการซื้อหุ้น: การซื้อขายหุ้นเป็นการลงทุน ซึ่งมีโอกาสเกิดได้ทั้งกำไรและขาดทุน เป็นความเสี่ยงที่มาจากการเสี่ยงโชค (Speculative Risk) ดังนั้นข้อนี้จึงไม่ใช่ Pure Risk


คำตอบที่ถูกต้องที่สุด


ง. การขาดทุนจากการซื้อหุ้น


เหตุผล


การขาดทุนจากการซื้อหุ้น เป็นความเสี่ยงที่มาจากการเสี่ยงโชค (Speculative Risk) ซึ่งมีโอกาสเกิดได้ทั้งผลกำไรและผลขาดทุน ในขณะที่การเกิดไฟไหม้, อุบัติเหตุลื่นล้ม, และรถยนต์ชนกัน ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดเพียงผลเสียหายเท่านั้น ซึ่งเป็นลักษณะของการเสี่ยงภัยที่แท้จริง (Pure Risk) ที่สามารถนำมาทำประกันภัยได้ครับ.

ถูกใจ

P'MEN
P'MEN
23 ก.ย.

17. กรณีใดต่อไปนี้ผู้รับประกันภัยไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ตามกฎหมาย

 ก. กรณีที่ผู้รับประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยสำคัญผิดว่าผู้เอาประกันภัยมีส่วนได้เสียในวัตถุที่เอาประกันภัยในขณะเกิดวินาศภัย

 ข. กรณีที่ผู้รับประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยสำคัญผิดว่ากรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับ

 ค. กรณีที่ผู้รับประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทน สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกระทำทุจริตของผู้เอาประกันภัย

 ง. ถูกทุกข้อ


การวิเคราะห์โจทย์และคำตอบ 🕵️‍♂️


โจทย์ข้อนี้ถามถึงกรณีที่บริษัทประกันภัย ไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิ จากผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ ซึ่งเป็นข้อยกเว้นสำคัญของหลักการรับช่วงสิทธิ


หลักการรับช่วงสิทธิ (Subrogation) คือการที่บริษัทประกันภัยที่ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว เข้าไปรับช่วงสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดที่ทำให้เกิดความเสียหายนั้นแทน แต่มีบางกรณีที่บริษัทประกันไม่มีสิทธินั้น


เรามาวิเคราะห์แต่ละตัวเลือกกันครับ:

  • ก. กรณีที่ผู้รับประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยสำคัญผิดว่าผู้เอาประกันภัยมีส่วนได้เสียในวัตถุที่เอาประกันภัยในขณะเกิดวินาศภัย:

    • ในกรณีนี้ บริษัทจ่ายเงินไปเพราะเข้าใจผิดว่าผู้เอาประกันภัยมีส่วนได้เสียที่ถูกต้อง แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าไม่มีส่วนได้เสียที่เอาประกันภัยได้ สัญญาประกันภัยนั้นจึงอาจไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรก การจ่ายเงินนี้จึงเป็นการจ่ายโดยไม่มีเหตุตามกฎหมาย บริษัทจึงไม่มีสิทธิที่จะไปเรียกร้องค่าเสียหายจากบุคคลที่สามได้

  • ข. กรณีที่ผู้รับประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยสำคัญผิดว่ากรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับ:

    • ในทำนองเดียวกัน หากบริษัทประกันจ่ายเงินโดยเข้าใจผิดว่ากรมธรรม์ยังมีผลบังคับใช้ (เช่น กรมธรรม์ขาดอายุไปแล้ว) การจ่ายเงินนั้นก็เป็นการจ่ายไปโดยไม่มีหน้าที่ตามกฎหมาย ดังนั้นบริษัทจึงไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิใด ๆ

  • ค. กรณีที่ผู้รับประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทน สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกระทำทุจริตของผู้เอาประกันภัย:

    • หากบริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนไปโดยสำคัญผิดว่าเป็นการเกิดเหตุปกติ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นความเสียหายที่ผู้เอาประกันภัยจงใจทำให้เกิดขึ้น การจ่ายเงินนี้ก็เป็นการจ่ายโดยไม่มีเหตุตามกฎหมายและบริษัทก็ไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิใด ๆ เช่นกัน

  • ง. ถูกทุกข้อ:

    • จากที่วิเคราะห์มา จะเห็นว่าทั้งข้อ ก. ข. และ ค. เป็นกรณีที่บริษัทประกันภัยไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิ เพราะการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนในแต่ละกรณีนั้นไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้หน้าที่ตามสัญญาประกันภัยที่สมบูรณ์ แต่เป็นการจ่ายไปโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญ


คำตอบที่ถูกต้องที่สุด


ง. ถูกทุกข้อ


เหตุผล


หลักการรับช่วงสิทธิจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบริษัทประกันภัยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามหน้าที่ในสัญญาประกันภัยที่สมบูรณ์เท่านั้น ดังนั้นในกรณีที่บริษัทจ่ายเงินไปโดย "สำคัญผิด" ในสาระสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของส่วนได้เสียของผู้เอาประกันภัย, ความมีผลบังคับของกรมธรรม์ หรือการกระทำโดยทุจริตของผู้เอาประกันภัยเอง บริษัทประกันจะไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยในการไปเรียกร้องค่าเสียหายจากบุคคลที่สามครับ

ถูกใจ

P'MEN
P'MEN
23 ก.ย.

16. ข้อใดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักการร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน (Contribution)

 ก. มีผู้รับประกันภัยตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป

 ข. ทำกรมธรรม์ประกันภัยไว้หลายฉบับ ซึ่งให้ความคุ้มครองภัยชนิดเดียวกัน

 ค. มีวัตถุที่เอาประกันภัยเดียวกัน

 ง. ความเสียหายเกิดจากการกระทำของบุคคลภายนอก ซึ่งผู้รับประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนแล้ว


การวิเคราะห์โจทย์และคำตอบ 🕵️‍♂️


โจทย์ข้อนี้ถามว่า "ข้อใดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักการร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน (Contribution)" ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการประกันวินาศภัย


หลักการร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน (Contribution) คือหลักการที่ใช้ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยทำประกันภัยทรัพย์สินเดียวกันไว้กับบริษัทประกันตั้งแต่ 2 บริษัทขึ้นไป เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น บริษัทประกันแต่ละแห่งจะต้องร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัดส่วนของจำนวนเงินเอาประกันภัยที่แต่ละบริษัทได้รับไว้ เพื่อไม่ให้ผู้เอาประกันภัยได้รับค่าสินไหมเกินกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง


เรามาวิเคราะห์แต่ละตัวเลือกเพื่อหาข้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับหลักการนี้กันครับ:

  • ก. มีผู้รับประกันภัยตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป:

    • นี่คือเงื่อนไขแรกที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้หลักการนี้ทำงานได้ เพราะหากมีบริษัทประกันเพียงรายเดียว หลักการนี้ก็ไม่มีความจำเป็น ดังนั้นข้อนี้จึงเกี่ยวข้องโดยตรง

  • ข. ทำกรมธรรม์ประกันภัยไว้หลายฉบับ ซึ่งให้ความคุ้มครองภัยชนิดเดียวกัน:

    • นี่คือเงื่อนไขที่สองที่ต้องมี เพราะหากเป็นกรมธรรม์ที่คุ้มครองภัยคนละชนิดกัน ก็ไม่สามารถใช้หลักการร่วมชดใช้ได้ เช่น ประกันอัคคีภัยกับประกันน้ำท่วม ดังนั้นข้อนี้จึงเกี่ยวข้องโดยตรง

  • ค. มีวัตถุที่เอาประกันภัยเดียวกัน:

    • นี่คือเงื่อนไขที่สามที่จำเป็น เพราะหากเป็นทรัพย์สินคนละชิ้นก็ไม่สามารถใช้หลักการนี้ได้ ดังนั้นข้อนี้จึงเกี่ยวข้องโดยตรง

  • ง. ความเสียหายเกิดจากการกระทำของบุคคลภายนอก ซึ่งผู้รับประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนแล้ว:

    • ข้อนี้คือหลัก "การรับช่วงสิทธิ (Subrogation)" ซึ่งบริษัทประกันจะเข้ามารับช่วงสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายจากบุคคลที่สามที่ทำละเมิด หลังจากที่บริษัทได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยไปแล้ว ซึ่งเป็นหลักการที่แยกต่างหากจากหลักการร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างชัดเจน


คำตอบที่ถูกต้องที่สุด


จากที่วิเคราะห์มา ตัวเลือก ง. เป็นข้อความที่เกี่ยวข้องกับหลักการรับช่วงสิทธิ ไม่ใช่หลักการร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

ง. ความเสียหายเกิดจากการกระทำของบุคคลภายนอก ซึ่งผู้รับประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนแล้ว


เหตุผล


หลักการร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน (Contribution) ใช้เพื่อบริหารจัดการการจ่ายเงินเคลมเมื่อมีการทำประกันภัยซ้ำซ้อนกันในทรัพย์สินเดียวกัน ในขณะที่หลักการรับช่วงสิทธิ (Subrogation) ใช้เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิด การที่บริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยไปแล้วจึงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใต้หลักการรับช่วงสิทธิครับ.

ถูกใจ
bottom of page