ในระบบ MGM สมาชิกซื้อใช้ที่เป็นนิติบุคคลเป็นกลุ่มสมาชิกที่น่าสนใจเพราะมีความต้องการซื้อประกันภัยอยู่แล้ว และหลายบริษัทมีพอร์ทที่ต้องซื้อเป็นโวลุ่มใหญ่ซึ่งก็สามารถสร้างรายได้พร้อมกับการปรับระดับสมาชิกให้กับนายหน้าในระบบ MGM ได้ดี
วิธีการสร้างสมาชิกกลุ่มนี้ที่สะดวกที่สุดคือ ให้กรรมการที่มีอำนาจลงนามของบริษัทนั้นสมัครเป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ในรูปแบบบุคคลธรรมดา และใช้สิทธิ์ของกรรมการท่านนั้นในการซื้อประกันภัยของบริษัทที่เค้าเป็นกรรมการอยู่ ซึ่งนิติบุคคลนั้นจะได้สิทธิประโยชน์เสมือนกับการเป็นสมาชิกด้วยตนเอง
Part 1 การสมัครสมาชิก
สิทธิประโยชน์ในการรับส่วนลดใช้ได้กับทุกกรมธรรม์ที่เป็นของ
ตนเอง
คู่สมรสที่ระบุข้อมูลไว้ในใบสมัคร
ครอบครัวที่นามสกุลเดียวกันกับตนเอง
กรมธรรม์ในนามนิติบุคคลที่ตนเองเป็นกรรมการ (มีชื่อในหนังสือรับรองบริษัท)
ข้อควรทราบก่อนตัดสินใจสมัครสมาชิกเพื่อรับสิทธิ์
การให้กรรมการสมัครเป็นสมาชิก ส่วนลดที่ได้จะเป็นของบุคคลที่เป็นสมาชิกไม่ได้เป็นของนิติบุคคลนั้น ๆ
สมาชิกที่สมัครเข้ามาทุกคนจะได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบ ส่วนลดทางการค้า ไม่ถือเป็นรายได้ แต่หากต้องการสร้างรายได้จากค่าแนะนำสมาชิกด้วย จะต้องยื่น เอกสารขอรับรู้รายได้ โดยผลประโยชน์ทุกอย่างที่ไดรับจากศรีกรุงโบรคเกอร์ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดในการซื้อประกันภัยใช้เอง หรือรายได้จากค่าแนะนำสมาชิกจะถือว่าเป็นรายได้ทั้งหมด
การยื่นเอกสารขอรับรู้รายได้จะยื่นได้ 2 ช่วงคือ ยื่นพร้อมกับการสมัครสมาชิก หรือ ยื่นภายในวันที่ 1-30 ธันวาคมของแต่ละปี
สมาชิกระดับ 6 ที่ขอรับรู้รายได้แล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้สิทธิ์แบบส่วนลดทางการค้าได้อีก
หากส่วนลดสะสมตลอดทั้งปียังไม่ถึง 50,000 บาท ยังถือเป็นส่วนลดทางการค้า (ศรีกรุงคิดเป็นต้นทุนของศรีกรุงเอง) แต่หากมีส่วนลดสะสมตลอดทั้งปี 50,000 บาทขึ้นไปจะต้องคิดเป็นรายได้ของบุคคลนั้นและยื่นข้อมูลรายได้นี้ให้กับสรรพากรด้วย
การสมัครสมาชิกในนามนิติบุคคลทำได้เช่นเดียวกัน แต่กระบวนการสมัครจะยุ่งยากกว่า ส่วนลดและรายได้เป็นของนิติบุคคลจะมีกระบวนการในเรื่องบัญชีที่ยุ่งยากกว่าเข้ามาเกี่ยวข้อง
สิทธิประโยชน์ในการรับค่าแนะนำสมาชิก / ค่าสายงาน
ค่าแนะนำสมาชิกมูลค่า 1.00% คำนวณจากยอดเบี้ยประกันภัยสุทธิ (ไม่รวมอากรสแตมป์ และภาษีมูลค่าเพิ่ม)
จะได้รับค่าแนะนำจากสมาชิกจากการแจ้งงานประกันภัย (ซื้อ/ขาย) ในรหัสที่แนะนำติดตัวเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงระดับสมาชิกว่าจะอยู่ ต่ำกว่า เท่ากัน หรือสูงกว่าเรา
จะได้รับค่าแนะนำตลอดไปตราบใดที่สมาชิกที่เราแนะนำยังคงซื้อประกันวินาศภัยใด ๆ ก็ตามกับศรีกรุงโบรคเกอร์
แพคเกจ PA เพื่อสมัครสมาชิก จะยกเว้นไม่มีค่าแนะนำ ไม่มีค่าสายงาน และไม่มีการนับยอดแจ้งงานให้ ผู้ได้รับผลประโยชน์จากแพคเกจ PA เพื่อสมัครสมาชิกมีคนเดียวคือคนที่ซื้อแพคเกจนี้เท่านั้น
ค่าสายงานจะได้รับเฉพาะสมาชิกระดับ 5 ขึ้นไปเท่านั้น โดยคำนวณจากส่วนต่างระดับของเรา กับระดับสูงสุดในสายย่อยของเราแต่ละสาย
หากมีการแยกสายงาน (ลูกทีมระดับเท่าเรา หรือสูงกว่าเรา) จะไม่ได้รับค่าสายงาน และไม่ได้รับยอดในการแจ้งงานประกันภัยนั้น ๆ เพื่อใช้ในการปรับระดับสมาชิก
การสมัครเป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์
สมัครด้วยแพคเกจ PA แผนใดแผนหนึ่งตามรายการด้านล่างนี้
เอกสารที่ใช้ในการสมัครสมาชิก
สำเนาบัตรประชาชน เขียนกำกับว่า "สำหรับสมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์เท่านั้น"
หน้าบัญชีธนาคารสำหรับรับเงินทอนจากศรีกรุงโบรคเกอร์ (ธนาคารกสิกรไทยไม่มีค่าธรรมเนียม ธนาคารอื่น ๆ มีค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน)
สลิปโอนเงินค่า PA ที่ใช้สำหรับสมัครสมาชิก
Part 2 ผลประโยชน์ของผู้แนะนำสมาชิก
กรณีผู้แนะนำอยู่ระดับ 6 (ไม่มีบัตรนายหน้า)
จะได้รับผลประโยชน์จากสมาชิกที่เราแนะนำติดตัวเราเท่านั้น โดยได้รับเป็นค่าแนะนำ 1.00% จากยอดเบี้ยประกันภัยสุทธิ (ไม่รวมภาษี) ที่สมาชิกที่เราแนะนำเข้ามาซื้อประกันภัยในรหัสของเค้าเองเท่านั้น
ยกตัวอย่างการคำนวณ
สมศักดิ์ เป็นสมาชิกระดับ 6 ยังไม่มีใบอนุญาตนายหน้าประกันภัย แนะนำพรรณี กรรมการของ บริษัท การค้าดี จำกัด มาเป็นสมาชิกของศรีกรุงโบรคเกอร์ โดยในใบสมัครระบุ สมศักดิ์ เป็นผู้แนะนำสมาชิก
พรรณี ได้ใช้สิทธิ์ของตนเองในการซื้อประกันภัยรถยนต์ของ บริษัท การค้าดี จำกัด ที่ตนเองเป็นกรรมการเป็นจำนวน 50 คัน มูลค่าเบี้ยประกันภัยสุทธิรวมกัน 500,000 บาท ส่วนลดทั้งหมดที่ได้รับ (จำนวนเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับตารางส่วนลดสมาชิก) จะเป็นผลประโยชน์ของพรรณี และโอนผลประโยชน์ไปที่บัญชีของพรรณี
สมศักดิ์ที่เป็นผู้แนะนำสมาชิกของพรรณี จะได้รับรายได้จากการซื้อประกันภัยในรหัสสมาชิกของพรรณี โดยคิดรายได้จากยอดเบี้ยประกันภัยสุทธิรวมกัน 500,000 x 1.00% = 5,000 บาท
หากนายสมศักด์ ยังไม่ได้ยื่นเอกสารขอรับรู้รายได้ รายได้ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะถูกเก็บสะสมไว้ให้ในระบบจนกว่าจะยื่นเอกสารขอรับรู้รายได้ หรือสอบใบอนุญาตเพื่อเลื่อนเป็นระดับ 5 ซึ่งจะต้องรับรู้รายได้โดยอัตโนมัติ และได้รับโอนเงินที่สะสมไว้ในระบบทั้งหมด
กรณีผู้แนะนำอยู่ระดับ 5 ขึ้นไป (มีบัตรนายหน้า)
จะได้รับผลประโยชน์จากสมาชิกที่เราแนะนำติดตัวเราเท่านั้น โดยได้รับเป็นค่าแนะนำ 1.00% จากยอดเบี้ยประกันภัยสุทธิ (ไม่รวมภาษี) ที่สมาชิกที่เราแนะนำเข้ามาซื้อประกันภัยในรหัสของเค้าเองเท่านั้น
รวมกับค่าสายงานของสมาชิกทุกคนที่อยู่ในระดับสมาชิกที่ต่ำกว่าเรา ไม่ว่าจะเป็ฺนสมาชิกติดตัวเราหรือไม่ก็ตาม โดยคำนวณจากส่วนต่างระดับสมาชิกของเรา กับผู้นำสูงสุดในสายย่อยแต่ละสาย
ยกตัวอย่างการคำนวณ
วินัย เป็นสมาชิกระดับ 3 มีสมาชิกนิติบุคคลในสายตนเอง 3 สายงานดังนี้
สายที่ 1
วินัย แนะนำ จงกล เป็นสมาชิกระดับ 6 ติดตัว
จงกล เป็นกรรมการของบริษัท ข้าวดี จำกัด จึงใช้สิทธ์ในการซื้อประกันภัยรถบรรทุก เบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้น 350,000 บาท
รายได้ที่ วินัย จะได้รับคือ
- ค่าแนะนำ 350,000 x 1.00% = 3,500 บาท
- ค่าสายงาน คิดส่วนต่างจากระดับ 3 ของวินัย (5.50%) - ระดับ 6 ของจงกล (0.00%) = 5.50%
คำนวณได้ 350,000 x 5.50% = 19,250 บาท
สายที่ 2
วินัย แนะนำ ชาตรี เป้นสมาชิกระดับ 6 ติดตัว
ชาตรี แนะนำ สมศรี เป็นสมาชิกระดับ 6 ติดตัว
สมศรี เป็นกรรมการของ บริษัท เหล็กกล้า จำกัด จึงใช้สิทธิ์ในการซื้อประกันภัยรถบรรทุก เบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้น 750,000 บาท
รายได้ที่ วินัย จะได้รับคือ
- ค่าแนะนำ 0 บาท เพราะสมศรีไม่ได้เป็นสมาชิกติดตัว วินัย
- ค่าสายงาน คิดส่วนต่างจากระดับ 3 ของวินัย (5.50%) - ระดับ 6 ของชาตรี (0.00%) เพราะชาตรีคือผู้นำสูงสุดในสายย่อยนี้ = 5.50%
คำนวณได้ 750,000 x 5.50% = 41,250 บาท
รายได้ที่ ชาตรี จะได้รับคือ
- ค่าแนะนำ 750,000 x 1.00% = 7,500 บาท
สายที่ 3
วินัย แนะนำ ปัญญา เป็นสมาชิกระดับ 5 ติดตัว
ปัญญา แนะนำ ปิยะ เป็นสมาชิกระดับ 6 ติดตัว
ปิยะ เป็นกรรมการของ บริษัท มีสุข จำกัด จึงใช้สิทธ์ในการซื้อประกันภัยรถยนต์ และประกันอัคคีภัยของบริษัท เบี้ยประกันภัยสุทธิรวมทั้งสิ้น 850,000 บาท
รายได้ที่ วินัย จะได้รับคือ
- ค่าแนะนำ 0 บาท เพราะ ปิยะ ไม่ได้เป็นสมาชิกติดตัว วินัย
- ค่าสายงาน คิดส่วนต่างจากระดับ 3 ของวินัย (5.50%) - ระดับ 5 ของปัญญา (3.00%) เพราะปัญญาคือผู้นำสูงสุดในสายย่อยนี้ = 2.50%
คำนวณได้ 850,000 x 2.50% = 21,250 บาท
รายได้ที่ ปัญญา จะได้รับคือ
- ค่าแนะนำ 850,000 x 1.00% = 8,500 บาท
- ค่าสายงาน คิดส่วนต่างจากระดับ 5 ของปัญญา (3.00%) - ระดับ 6 ของปิยะ (0.00%) = 3.00%
คำนวณได้ 850,000 x 3.00% = 25,550 บาท
ในตัวอย่างในสายที่ 3 จะเห้นว่า วินัย ได้รายได้ในสายนี้น้อยกว่า ปัญญา แต่วินัยมีสายที่สร้างรายได้มากกว่า ส่งผลให้รายได้รวมของวินัยจึงมากกว่าเช่นเดียวกัน
Part 3 รูปแบบการสร้างรายได้
แผนการตลาด MGM ของศรีกรุงโบรคเกอร์เน้นในเรื่องการสร้าง Passive Income ถ้าหากเราอยากได้รายได้แบบ Passive Income เราก็จะต้องออกแบบระบบบของเราให้สามารถสร้าง Passive Income ได้เช่นเดียวกัน
สิ่งที่ต้องทำคือ
- วางแผนการซื้อประกันภัยโดยรวมทั้งปีของบริษัทให้เสร็จเรียบร้อย ในเดือนไหนต้องซื้ออะไรบ้าง
- หาคน 1 คนที่จะดูแลการซื้อประกันภัยของบริษัทนี้ โดยจะได้รายได้เป็น Active Income หรือ Passive Income ขั้นอยู่กับตัวแปรของแต่ละบริษัท
บางบริษัท เราจะต้องสร้างรายได้แบบ Active Income คือ ตัวเราเองที่เป็นนายหน้าจะต้องเป็นผู้จัดทำตารางแผนการต่ออายุ ต้องแจ้งเตือนการต่ออายุให้ลูกค้าทราบ และคอยประสานกับคนที่ทางบริษัทมอบหมายให้ประสานงานกับเรา
แต่บางบริษัทก็สามารถสร้าง Passive Income ให้กับเราได้ โดยภายในบริษัทจะมีคนที่ทำหน้าที่คอยรักษากรมธรรม์ไม่ให้มีการขาดอายุอยู่แล้ว อันนี้เค้าเตือนตนเองได้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเตือนเค้า
ตัวอย่างบัญชีรายการประกันภัยที่ควรจะทำไว้เพื่อการแจ้งเตือนการซื้อประกันภัยได้ทันกำหนด
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ งานนิติบุคคลจะมีเรื่องการทำบัญชีที่จะต้องใช้เอกสาร เช่นใบเสร็จรับเงินตัวจริง หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เข้ามาเป็นส่วนประกอบในการทำบัญชี และเอกสารงานนิติบุคคลจะออกจะจัดส่งจากศรีกรุงโบรคเกอร์สำนักงานใหญ่เท่านั้น จึงต้องวางแผนการการจัดซื้อล่วงหน้า เผื่อกระบวนการจัดส่งเอกสารให้ถึงบริษัทลูกค้าทันกำหนดเวลาที่ต้องใช้ด้วย
Part 4 กระบวนการซื้อประกันภัย
แม้เอกสารจะออกจากศรีกรุงโบรคเกอร์สำนักงานใหญ่เท่านั้น แต่เราสามารถเลือกใช้บริการสาขาของศรีกรุงโบรคเกอร์ที่เราสะดวกในการใช้บริการได้ตามปกติ
กระบวนการคือ
จัดทำรายการประกันภัยที่จะต้องซื้อล่วงหน้าตามตัวอย่างข้างต้น
จัดหาเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของศรีกรุงโบรคเกอร์ 1 คนมาดูแลพอร์ทนี้
จัดเตรียมแฟ้มเอกสารที่จะต้องใช้ประกอบการซื้อประกันภัยไว้ล่วงหน้า เช่น - หนังสือรับรองบริษัท - สำเนาบัตรประชาชนของกรรมการที่เป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ - รายการกรมธรรม์เดิม - ข้อมูลที่อยู่ในการออกใบวางบิล ใบกำกับภาษี และการจัดส่งเอกสาร - ตกลงวิธีการชำระเงินกับทางบริษัทลูกค้าให้เรียบร้อย (โอนเงิน, ฝากที่เค้าเตอร์ธนาคาร, จ่ายเป็นเช็ค) โดยจ่ายไปที่บริษัทประกันภัยโดยตรงเท่านั้น เพื่อให้สะดวกในการจัดทำบัญชี
ถึงรอบก็ดำเนินการเช็คเบี้ยและซื้อประกันภัยตามปกติ ในรหัสสมาชิกของกรรมการบริษัทที่ะเป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ โดยเอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อใช้ประกอบการเช็คเบี้ยและซื้อประกันภัยได้แก่ - กรมธรรม์เดิม (กรณีรถคันนี้เพิ่งจะซื้อกับศรีกรุงโบรคเกอร์เป็นครั้งแรก) เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานให้เจ้าหน้าที่นำเสนอแพคเกจประกันภัยให้เหมาะสม - รายการจดทะเบียน ใช้ในการตรวจสอบการคีย์ข้อมูลในกระบวนการซื้อให้ถูกต้อง รวมทั้งตรวจสอบสิทธิ์การเป็นผู้ถือกรรมสิทธ์หรือผู้ครอบครองรถ - หนังสือรับรองบริษัท ที่มีรายชื่อกรรมการบริษัท ที่เป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ - สำเนาบัตรประชาชนของกรรมการบริษัท ที่เป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ - หลักฐานการชำระเงิน สลิปโอนเงิน หรือใบเปย์อิน หรือเช็ค (กรณีชำระด้วยเช็ค เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายจะต้องได้รับเช็คตัวจริงเท่านั้นจึงจะสามารถแจ้งงานประกันภัยให้ได้)
กระบวนการเช็คเบี้ยและแจ้งงานประกันภัย
ส่งกรมธรรม์เดิม รายการจดทะเบียน และระบุลักษณะการใช้รถ ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายออกใบเสนอราคาให้ก่อน (ส่วนใหญ่งานนิติบุคคลจะไม่มีแพคเกจสำเร็จรูป เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายจะส่งข้อมูลไปที่บริษัทประกันภัยให้เสนอราคามาให้ ระยะเวลาเร็วช้าแต่ละบริษัทไม่เท่ากัน)
เมื่อสรุปแพคเกจที่ต้องการซื้อเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายจะออกใบวางบิล ระบุยอดหักกาษี ณ ที่จ่ายให้เรียบร้อย
บริษัทลูกค้า สามารถชำระเงินตามยอดที่ระบุในใบวางบิล ไปที่บริษัทประกันภัยโดยตรงได้เลย
นำเอกสารประกอบการซื้อประกันภัยที่เตรียมไว้ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทั้งชุดพร้อมกันอีกครั้ง เพื่อป้องกันความผิดพลาด ได้แก่ - กรมธรรม์เดิม - รายการจดทะเบียน - หนังสือรับรองบริษัท ที่มีชื่อกรรมการที่เป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ - สำเนาบัตรประชาชน กรรมการที่เป็นสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ - ที่อยู่ในการจัดส่งเอกสาร - หลักฐานการชำระเงิน
เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายดำเนินการแจ้งงานประกันภัยเข้าระบบ และออกใบแจ้งงาน ลูกค้าควรตรวจสอบความถูกต้องในเอกสารแจ้งงานทุกตัวอักษร เน้นย้ำเป็นพิเศษที่ ทะเบียนรถ และเลขตัวถัง หากผิดพลาดแนะนำให้รีบแก้ไขก่อนที่เลขรับแจังจากบริษัทประกันภัยจะออก ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง - 1 วัน ไม่เท่ากันในแต่ละบริษัทประกันภัย เราสามารถใช้ใบแจ้งงานนี้เป็นหลักฐานการซื้อประกันภัยได้ชั่วคราวก่อนที่เอกสารตัวจริงจะจัดส่งไปยังลูกค้า
จากนั้นเข้าสู่กระบวนการพิจารณา และออกกรมธรรม์ตามปกติ ถ้าหากเป็น ป.1 งานใหม่จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไปเพื่อนัดเวลาถ่ายรูปรถ หากเป็น ป3, ป2+, ป3+ หรือ พ.ร.บ. เข้าสู่กระบวนการออกกรมธรรม์ได้เลย
เมื่อกรมธรรม์ออกแล้ว ศรีกรุงโบรคเกอร์สำนักงานใหญ่จะจัดส่งกรมธรรม์ไปยังที่อยู่ที่ให้ไว้ หากเป็นการซื้องานประเภท พร้อมกับ งาน พรบ มักจะจัดส่งไปไม่พร้อมกัน โดยที่งาน พรบ ออกกรมธรรม์ได้ก่อนจะจัดส่งไปก่อน และงานประเภทที่ออกกรมธรรม์ภายหลังจะจัดส่งภายหลัง
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1% จะถูกหักออกจากผลประโยชน์ของสมาชิกที่เป็นกรรมการคนนั้น แต่จะได้คืนเมื่อมีการจัดส่งเอกสารหัก ณ ที่จ่าย 1% ตัวจริงไปที่ศรีกรุงโบรคเกอร์สำนักงานใหญ่ จัดส่งบ่อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบริษัท เช่น จัดส่งทุกครั้งที่ซื้อประกันภัย หรือ จัดส่ง 6 เดือนครั้ง หรือจัดส่งปีละ 1 ครั้ง ที่อยู่ในการจัดส่งเอกสารหักภาษี ณ ที่จ่าย คือ ฝ่ายการเงิน (เอกสารหักภาษี ณ ที่จ่าย) บริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด เลขที่ 2 ซอยเอกชัย 83/1 แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ 10150
Part 5 การรับผลประโยชน์ของสมาชิกที่เป็นกรรมการบริษัท
ศรีกรุงโบรคเกอร์จะคืนผลประโยชน์ (ส่วนลด) ให้กับสมาชิกที่เป็นกรรมการบริษัททางบัญชีธนาคารที่ให้ไว้กับศรีกรุงโบรคเกอร์
- บัญชีธนาคารกสิกรไทย ไม่มีค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน - บัญชีธนาคารอื่น ๆ เป็นการโอนต่างธนาคารจะมีค่าธรรมเนียมการโอนเงินที่ทางธนาคารเรียกเก็บเพิ่มเติม
การคืนผลประโยชน์จะคืนเมื่อกรมธรรม์ได้รับการอนุมัติเรียบร้อย ฝ่ายบัญชีของศรีกรุงโบรคเกอร์มีการตัดจ่าย และคืนผลประโยชน์ภายใน 5 วันหลังจากตัดจ่าย โดยรอบของการคืนเงินจะมีอยู่ 4 วันคือ วันที่ 7, 14, 21 และ 28 ของทุกเดือน
Part 6 การรับรายได้ค่าแนะนำ ค่าสายงาน และค่าคอมมิชชั่นจากการขาย
สำหรับสมาชิกที่แนะนำให้กรรมการบริษัทสมัครสมาชิกและซื้อประกันภัยของบริษัทในรหัสสมาชิกของกรรมการ
เราจะได้รับรายได้เป็นค่าแนะนำ (กรณีแนะนำติดตัว) และรายได้ค่าสายงาน (กรณีระดับสมาชิกสูงกว่า) ตามตัวอย่างที่ได้คำนวณให้ในเบื้องต้น โดยรายได้จะโอนให้ทางบัญชีธนาคารกสิกรไทยเท่านั้นในทุกวันที่ 10 ของเดือน (หากวันที่ 10 ตรงกับวันหยุดจะโอนให้วันที่ 9)
ตัวอย่างรายการที่คืนค่าแนะนำและค่าสายงาน
CONTRACT = ค่าแนะนำจากสมาชิกติดตัวเท่านั้น
RERURNTEAM = ค่าสายงานจากสมาชิกที่อยู่ระดับต่ำกว่าเราทุกคน
สำหรับสมาชิกนายหน้า (ต้องมีใบอนุญาตนายหน้าเท่านั้น) ที่ไม่ได้แนะนำให้กรรมการสมัครเป็นสมาชิก แต่ขายประกันภัยของบริษัทนี้ในรหัสสมาชิกของตนเอง
สมาชิกนายหน้าจะได้รับเป็นค่าคอมมิชชั่น หลังจากกรมธรรม์ได้รับการอนุมัติเรียบร้อย ฝ่ายบัญชีของศรีกรุงโบรคเกอร์มีการตัดจ่าย และคืนผลประโยชน์ภายใน 5 วันหลังจากตัดจ่าย โดยรอบของการคืนเงินจะมีอยู่ 4 วันคือ วันที่ 7, 14, 21 และ 28 ของทุกเดือน
ตัวอย่างรายการคืนค่าคอม
- พี่เม่นไม่ได้ขายประกันนานแล้วปัจจุบันไม่มียอดขาย รับเฉพาะค่าแนะนำและค่าสายงาน จึงใช้รายการคืนค่าคอมของอดีตมาเป็นตัวอย่าง
- จะเห็นวันที่คืนค่าคอมไปตก วันที่ 7, 14, 21 และ 28 ของทุกเดือน
- ยอดที่เห็นเป็นยอดที่ทางศรีกรุงโบรคเกอร์โอนเข้าบัญชี ไม่ใช่รายได้จริง เพราะรายได้บางส่วนสมาชิกนายหน้าได้หักค่าคอมมิชชั่นไว้ก่อนแจ้งงานขายประกันภัยแล้ว
- ที่เห็นยอดเป็นหลักหน่วย หลักสิบ หรือเศษสตางค์เนื่องจากเป็นงานบุคคลธรรมดา ที่ได้หักค่าคอมมิชชั่นก่อนแจ้งงานประกันภัยเรียบร้อยแล้ว โดยเงินที่โอนไปมียอดเกินเป็นหลักหน่วย หลักสิบ หรือเศษสตางค์ ทางศรีกรุงโบรคเกอร์ก็คืนให้ทุกสตางค์
- ที่เห็นยอดเป็นหลักพัน เป็นงานของนิติบุคคลที่จะต้องชำระเงินตามใบวางบิล จึงได้รายได้คืนกลับมาหลังจากฝ่ายบัญชีตัดจ่ายแล้ว
สำหรับสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ที่มีลูกค้านิติบุคคลอยู่ในมือลองพิจาณาดูได้ตามความเหมาะสมว่าจะดูแลลูกค้ากลุ่มนี้อย่างไรจะเป็นรูปแบบงานขายหรือรูปแบบการสมัครสมาชิกเพราะไม่ใช่ทุกบริษัทที่ต้องการสมัครสมาชิก
สนใจสมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ ร่วมทีมกับพี่เม่น
ศึกษาสิทธิประโยชน์ของสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์
ติดต่อได้ที่
Line ID : @srikrung168
หรือโทร 0-654-088-088