1. ตามหางานที่ใช่
2. เพิ่มช่องทางรายได้
3. ป้องกันความเสี่ยง
4. ใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่า
5. เพิ่มโอกาสให้ชีวิต
1. ตามหางานที่ใช่
คงมีเพียงไม่กี่คนที่จะรู้จักความชอบของตนเองได้ตั้งแต่ยังเด็ก มุ่งมั่นเรียน และประกอบอาชีพที่ได้เรียนมาตรงสายงาน และมีความสุขในอาชีพนั้นไปตลอดชีวิต แต่คนส่วนใหญ่ยังมีความจำเป็นประกอบอาชีพที่สามารถหาเลี้ยงชีวิตได้เป็นหลักก่อน ซึ่งอาจจะไม่ใช่อาชีพที่รัก หรืออาชีพที่อยากทำ เพราะอาชีพนั้นอาจจะไม่สามารถสร้างรายได้ให้เราได้เท่ากับอาชีพหลักที่เรากำลังทำอยู่
การทำอาชีพเสริมก็เป็นอีกหนทางหนึ่งให้เราได้ทดลองค้นหาตัวตนโดยไม่มีความเสี่ยงมากนัก เพราะรายได้จากอาชีพหลักยังคงอยู่ เราสามารถเปลี่ยนอาชีพเสริมไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าเราจะเจออาชีพที่ใช่ เมื่ออเจอแล้วก็ต่อยอดพัฒนาตนเองให้มีความเชี่ยวชาญในสายอาชีพนั้น ซึ่งเป็นไปได้ที่จะต่อยอดจนมีรายได้มากกว่าอาชีพหลัก และเปลี่ยนไปทำอาชีพที่เรารักและตอบโจทย์กับชีวิตของเรามากกว่าได้
2. เพิ่มช่องทางรายได้
ทุกวันนี้คนที่มีรายได้เพียงช่องทางเดียวแทบจะมีรายได้ไม่พอใช้ ต้องหาช่องทางรายได้เพิ่มเติม อย่าว่าเพียงแค่ 2 ช่องทางเลย บางคนอาจจะต้องหาถึง 3-4 และ 5 ช่องทาง จึงจะเพียงพอกับค่าใช้จ่าย
รูปแบบรายได้ที่เราจะต้องหาเข้ามาจากช่องทางต่าง ๆ แบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ
Active Income คือ รายได้ที่มาจากลงแรง ลงเวลา หรือลงทุน เพื่อเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ให้มาเป็นรายได้ ถ้าเราหยุดทำรายได้ก็จะหยุดในทันที ในขณะที่เรายังงคงทำงานประจำอยู่เราอาจจะเลือกสร้างรายได้เสริมจากงานประเภท Active Income ไปก่อน เพราะว่าได้รายได้ทันที เช่น ขายสินค้าตามตลาดนัด ขายสินค้าออนไลน์ ขายอาหารให้เพื่อนร่วมงาน รับจ้างทำงานต่าง ๆ ตามความสามารถที่เรามี ขับรถรับส่งผู้โดยสาร แต่ต้องไม่ลืมว่า เมื่อไหร่แรงของเราหมด รายได้ส่วนนี้จะหายไปทันทีเช่นกัน
Passive Income คือ รายได้จากการที่เราลงแรง และเวลา มาพัฒนาระบบสร้างรายได้ แล้วให้ระบบนี้เป็นผู้สร้างรายได้ให้กับเราอีกทอดหนึ่ง รายได้ประเภทนี้จะต้องใช้เวลาในการพัฒนา ในช่วงแรกของการพัฒนาระบบอาจจะมองไม่เห็นรายได้เลย ต้อยใช้ความอดทน แต่เมื่อสะสมฐานรายได้ไปจำนวนหนึ่งแล้วก็จะเป็นรายได้ที่มากขึ้นมาเช่นเดียวกัน เช่น
- รายได้ที่เกิดจากการทำงานและสะสมผลงานเป็นเวลานาน ได้แก่ บำเหน็จ / บำนาญ, รายได้จากการซื้อกองทุน ตราสารหนี้ การให้เช่าบ้าน ที่ดิน
- รายได้จากลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาของเรา ที่อาจจะเกิดจากงานอดิเรก เช่น บทความ ภาพวาดศิลปะ ดนตรี เนื้อหาในช่องยูทูป
- รายได้ที่เกิดจากการสร้างระบบธุรกิจ ที่ระบบสามารถดำเนินการต่อเองได้ เช่น ธุรกิจเครือข่ายในกลุ่มสินค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้ และมีการซื้อซ้ำตลอดเวลา เป็นการซื้อซ้ำที่เกิดจากความต้องการใช้สินค้าโดยแท้จริง ไม่ใช่การซื้อเพราะระบบบังคับให้ต้องรักษายอด
3. ป้องกันความเสี่ยง
ในยุควิกฤต Covid-19 ส่งผลเห็นได้ชัดเจนมากว่าคนที่มีช่องทางรายได้เพียงทางเดียวมีความเสี่ยงสูง และธุรกิจใหญ่หรืออาชีพที่เราคิดว่ามีความมั่นคงสูง ก็เดินต่อไปไม่ไหวในยุค Covid-19 การมีช่องทางรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง ยิ่งมี 2-3-4 หรือ 5 ช่องทางยิ่งเป็นการกระจายความเสี่ยง หากช่องทางหนึ่งต้องปิดตัวลง ยังมีช่องทางอื่น ๆ สำรองไว้ เมื่อเกิดวิกฤตกับชีวิตเราก็แค่เซแต่ไม่ล้ม
4. ใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่า
การทำอาชีพเสริมก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการใช้เวลาทุกนาทีให้ผ่านไปอย่างมีคุณค่า ไม่ได้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์
อาชีพเสริมบางประเภท ต้องใช้เวลาจำนวนมาก และต้องทำให้เสร็จในครั้งเดียวจึงจะก่อให้เกิดรายได้ตามมา เช่น ทำอาหารขาย ขายสินค้าในตลาดนัด ขับรถรับส่งผู้โดยสาร
อาชีพเสริมบางประเภท เราอาจจะใช้เวลาสั้น ๆ ไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ทำเฉพาะช่วงเวลาพักระหว่างวันหรือหลังเลิกงานได้ เช่น ขายสินค้าออนไลน์ เป็นตัวแทนจำหน่าย รับงานฟรีแลนซ์ สอนพิเศษ
อาชีพเสริมบางประเภท เราสามารถใช้เวลาที่ซอยย่อยไปกว่านั้น เพียงไม่กี่นาทีต่อ 1 รอบ ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเวลาไหน อาจจะทำควบคู่ไปกับกิจกรรมบางอย่างได้ เช่น ขณะเดินทางในระบบขนส่งมวลชน หรือทำเฉพาะในเวลาว่างจริง ๆ เท่านั้น เป็นงานที่ใช้การสะสมความคืบหน้าทีละหน่อยจนกว่าจะเสร็จลุล่วง แล้วค่อยให้ผลงานชิ้นนั้นสร้างให้เป็รายได้ของเราต่อไปได้ เช่น การเขียนบทความ ทำงานศิลปะ ผลิตงานฝีมือ ทำงานในระบบเครือข่าย
ทั้งหมดนี้ เราสามารถออกแบบทุกนาทีชีวิตของเราให้ผ่านไปอย่างมีคุณค่าได้ครับ
5. เพิ่มโอกาสให้ชีวิต
ถ้าหากเราทำงานประจำเพียงอาชีพเดียวไปนาน ๆ สิ่งที่เราจะต้องพบเจอตลอดเวลาทุกวันก็คือ คนเดิม ๆ เหตุการณ์เดิม ๆ ปัญหาเดิม ๆ วิธีการแก้ไขปัญหาเดิม ๆ การที่เราจะได้โอกาสใหม่ ๆ ในชีวิตเป็นไปได้ยากมาก
แต่การที่เราใช้เวลาว่างที่เหลืออยู่ในการหากิจกรรมใหม่ ๆ มาทำอาจจะเป็นอาชีพหรืองานอดิเรกก็ได้ มันทำให้ชีวิตเราได้เคลื่อนไหวไปพบเจอกับผู้คนใหม่ ๆ สังคมใหม่ ๆ ประสบการณ์ใหม่ ๆ และแน่นอนเป็นการเพิ่มโอกาสใหม่ ๆ ในชีวิตให้เรากับเราอีกช่องทางหนึ่ง
และโอกาสใหม่นี้อาจจะทำให้เราได้พัฒนาชีวิตไปได้ไกลกว่าที่เราเคยวาดฝันไว้ก็เป็นไปได้
พี่เม่นเลือกทำอาชีพเสริมเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยกับศรีกรุงโบรคเกอร์ เพราะตอบทั้ง 5 เหตุผลนี้ของพี่เม่นเลย
เป็นงานที่ใช่ เพราะพี่เม่นชอบความอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับกะเกณฑ์เราว่าจะต้องทำอะไรอย่างไร มีความอิสระจะทำที่ไหนเวลาไหนก็ได้
เพิ่มช่องทางรายได้ ก่อนหน้านี้พี่เม่นเปิดร้านกาแฟ เป็นการสร้างรายได้แบบ Active Income เพียงอย่างเดียว ก็เลยหาช่องทางที่สามารถจะเป็น Passive Income ให้กับพี่เม่นเพิ่มเติมได้
ป้องกันความเสี่ยง การเปิดร้านกาแฟของพี่เม่นมีความสี่ยงมาก เพราะพี่เม่นเป็นคนพิการ การทำร้านกาแฟต้องยืนเกือบทั้งวัน และเมื่อไหร่ที่ร่างกายเราไม่ไหวก็จะไม่สามารถสร้างรายได้อีกต่อไป ตอนนั้นพี่เม่นสมัครเข้ามาทำอาชีพนายหน้าประกันวินาศภัยเพื่อสร้างเป็นรายได้เสริมเท่านั้นเอง แต่ทุกวันนี้อาชีพนี้กลับกลายเป็นรายได้หลักของพี่เม่นแล้ว และเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงน้อยลง เพราะในช่วงเวลาที่พี่เม่นเป็นผู้ป่วยติดเตียงทำงานไม่ได้ แต่พี่เม่นยังคงได้รับรายได้จากอาชีพนายหน้าประกันวินาศภัย
ใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่า อาชีพนายหน้ประกันวินาศภัย พี่เม่นสามารถออกแบบชีวิตได้เอง เราอยากทำงานเวลาไหน ครั้งละกี่หน้าที และพี่เม่นสามารถทำงานได้ทุกเวลาที่พี่เม่นต้องการจะทำเพราะสมองคนเรามันโลดแล่นตลอดเวลา การทำงานก็ทำผ่านมือถือ แทปเล็ต หรืออุปกรณ์อะไรก็ได้ที่เราถนัด
เพิ่มโอกาสให้ชีวิต จากคนที่เก็บตัว ไม่มีสังคม ไม่เคยพบเจอใคร วันนี้พี่เม่นได้รู้จักโลกมากขึ้น ได้รู้จักคนใหม่ ๆ สังคมใหม่ ๆ ทั้งคนที่อยู่ในอาชีพนายหน้าประกันวินาศภัยเหมือนกัน หรือคนที่อยู่ในอาชีพอื่น ๆ เปิดโอกาสให้พี่เม่นได้เป็นวิทยากร แนะนำความรู้ให้กับคนอื่น ๆ ได้นำไปใช้
สนใจสมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ ร่วมทีมกับพี่เม่น
ศึกษาสิทธิประโยชน์ของสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์
ติดต่อได้ที่
Line ID : @srikrung168
หรือโทร 0-654-088-088
Comentários