วิเคราะห์ข้อสอบ หลักการประกันวินาศภัย ข้อ 001-010
- P'MEN

- 21 ก.ย.
- ยาว 1 นาที

เนื้อหาและวิเคราะห์ข้อสอบนายหน้าประกันวินาศภัย
หัวข้อ "หลักการประกันวินาศภัย"
ข้อ 001 - 010 จะใส่ไว้ในคอมเม้นต์ด้านล่างแนะนำให้เลื่อนลงไปจนสุดหน้า
ข้อมูลสำคัญที่ควรรู้
ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิกของศรีกรุงโบรคเกอร์ได้อย่างง่ายดาย โดยเพียงแค่ ซื้อประกันอุบัติเหตุสำหรับสมาชิก ซึ่งถือเป็นการสมัครสมาชิก เมื่อเป็นสมาชิกแล้ว คุณจะสามารถซื้อประกันวินาศภัยทุกประเภทกับศรีกรุงโบรคเกอร์ได้ในราคาพิเศษทันที
นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพเสริมเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยหรือนายหน้าประกันชีวิต ยังมีโอกาสในการสอบและเข้ารับการอบรมเพื่อขอใบอนุญาตกับศรีกรุงโบรคเกอร์ได้อีกด้วย
ศึกษาสิทธิประโยชน์ของสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์
ติดต่อได้ที่
Line ID : @srikrung168
หรือโทร 0939636151








ข้อ 010 หลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่แท้จริง หมายความว่า
ก. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
ข. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย
ค. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มตามจำนวนเงินเอาประกันภัย
ง. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามแต่ที่ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยจะตกลงกัน
การวิเคราะห์โจทย์และคำตอบ 🕵️♂️
โจทย์ข้อนี้ถามถึงความหมายของ "หลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่แท้จริง" ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของการประกันวินาศภัย
หลักการนี้เรียกว่า หลักการชดใช้ค่าเสียหายตามความเป็นจริง (Principle of Indemnity) มีวัตถุประสงค์เพื่อชดเชยให้ผู้เอาประกันภัยกลับคืนสู่สถานะทางการเงินเหมือนก่อนเกิดเหตุ โดยไม่ทำให้ผู้เอาประกันภัยได้กำไรจากการทำประกันภัย
เรามาพิจารณาแต่ละตัวเลือกกันครับ:
ก. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง:
ข้อนี้ถูกต้องในแง่ของ "ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง" ซึ่งเป็นหัวใจของหลักการนี้
ค. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มตามจำนวนเงินเอาประกันภัย:
ข้อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะการชดใช้จะไม่ได้จ่ายเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัยเสมอไป แต่จะจ่ายตามความเสียหายจริง ซึ่งอาจจะน้อยกว่าจำนวนเงินเอาประกันภัย
ง. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามแต่ที่ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัยจะตกลงกัน:
ข้อนี้ไม่ถูกต้อง การตกลงกันจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและหลักการที่ถูกต้อง และถึงแม้จะมีการตกลงกัน ก็จะต้องไม่เกินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
ข. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย:
ข้อนี้คือคำนิยามที่สมบูรณ์ที่สุดของหลักการนี้ เพราะรวมเอาสองส่วนสำคัญไว้ด้วยกันคือ:
ต้องชดใช้ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง: เพื่อไม่ให้ผู้เอาประกันได้กำไร
ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย: เพื่อกำหนดขีดจำกัดความรับผิดชอบสูงสุดของบริษัทประกัน
ดังนั้น แม้ว่าข้อ ก. จะมีส่วนที่ถูกต้อง แต่ข้อ ข. มีความครอบคลุมและสมบูรณ์ตามหลักการมากกว่า
คำตอบที่ถูกต้องที่สุด
✅ ข. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย
เหตุผล
หลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเสียหายที่แท้จริง หมายถึงการที่บริษัทประกันจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงของทรัพย์สินนั้น แต่การจ่ายจะไม่เกินกว่าจำนวนเงินที่ได้เอาประกันภัยไว้ (ทุนประกันภัย) เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยได้รับค่าชดเชยเพียงเพื่อคืนสภาพเดิม ไม่ใช่เพื่อแสวงหากำไรจากการทำประกันภัยครับ.
ข้อ 009 คำว่า “สินไหมกรุณา (Ex-Gratia payment)” หมายถึง
ก. จำนวนเงินที่ผู้รับประกันภัยจ่ายให้แก่ผู้เรียกร้องค่าเสียหาย แม้จะมีความเห็นว่าไม่ต้องรับผิดชอบตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยก็ตาม
ข. จำนวนเงินตามแต่ผู้รับประกันภัยจะพิจารณา
ค. จำนวนเงินที่จ่ายเกินจำนวนเงินที่เอาประกันภัย
ง. จำนวนเงินเพิ่มเติมที่ผู้รับประกันภัยจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย เนื่องจากผู้เอาประกันภัยจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติม
การวิเคราะห์โจทย์และคำตอบ 🕵️♂️
โจทย์ข้อนี้ถามถึงความหมายของคำว่า “สินไหมกรุณา (Ex-Gratia payment)” ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะในวงการประกันภัยและกฎหมาย
คำว่า "Ex-Gratia" มาจากภาษาลาติน แปลว่า "จากความกรุณา" หรือ "จากน้ำใจ" ซึ่งสะท้อนความหมายโดยตรงว่าเป็นการจ่ายเงินที่ไม่ได้มีข้อผูกพันทางกฎหมายให้ต้องจ่าย แต่จ่ายให้โดยความสมัครใจ
เรามาวิเคราะห์แต่ละตัวเลือกเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องที่สุดครับ:
ก. จำนวนเงินที่ผู้รับประกันภัยจ่ายให้แก่ผู้เรียกร้องค่าเสียหาย แม้จะมีความเห็นว่าไม่ต้องรับผิดชอบตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยก็ตาม:
นี่คือคำนิยามที่ถูกต้องที่สุดและตรงตามความหมายของ Ex-Gratia โดยตรง เป็นการจ่ายเงินเพื่อให้เรื่องยุติลงหรือเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า ทั้งที่ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์แล้ว บริษัทประกันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบก็ได้
ข. จำนวนเงินตามแต่ผู้รับประกันภัยจะพิจารณา:
ข้อนี้ไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะการจ่ายสินไหมกรุณาเป็นการพิจารณาของบริษัทประกันก็จริง แต่หัวใจสำคัญของมันคือ "การจ่ายทั้งที่ไม่มีข้อผูกมัดตามกฎหมาย" ไม่ใช่แค่การพิจารณาว่าจะจ่ายเท่าไหร่
ค. จำนวนเงินที่จ่ายเกินจำนวนเงินที่เอาประกันภัย:
ข้อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะตามหลักการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน (Principle of Indemnity) โดยทั่วไปแล้วบริษัทประกันจะไม่จ่ายเงินเกินจำนวนเงินเอาประกันภัย เว้นแต่จะมีสัญญาเพิ่มเติมหรือกรณีพิเศษซึ่งไม่ใช่ความหมายของ "สินไหมกรุณา"
ง. จำนวนเงินเพิ่มเติมที่ผู้รับประกันภัยจ่ายให้แก่ผู้เอาประกันภัย เนื่องจากผู้เอาประกันภัยจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติม:
นี่ไม่ถูกต้อง และเป็นคนละประเด็นกัน การจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมอาจทำให้ความคุ้มครองเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายถึงการจ่ายเงินแบบ "สินไหมกรุณา"
คำตอบที่ถูกต้องที่สุด
จากที่ได้วิเคราะห์มา ตัวเลือก ก. เป็นคำนิยามที่ตรงและถูกต้องที่สุดสำหรับคำว่า "สินไหมกรุณา"
✅ ก. จำนวนเงินที่ผู้รับประกันภัยจ่ายให้แก่ผู้เรียกร้องค่าเสียหาย แม้จะมีความเห็นว่าไม่ต้องรับผิดชอบตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยก็ตาม
เหตุผล
สินไหมกรุณา (Ex-Gratia payment) เป็นการจ่ายเงินที่ทำขึ้นเพื่อเป็นการแสดงน้ำใจหรือเพื่อยุติข้อพิพาท โดยที่บริษัทประกันภัยไม่ได้มีภาระผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องจ่ายตามเงื่อนไขในกรมธรรม์. การจ่ายเช่นนี้มักเกิดขึ้นในกรณีที่ความรับผิดชอบไม่ชัดเจน หรือเพื่อรักษาชื่อเสียงและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาวครับ.
ข้อ 008 ตามปกติแล้วผู้รับประกันภัยต้องเชื่อในคำบอกเล่าของผู้เอาประกันภัยว่าผู้เอาประกันภัยจะไม่ชักนำให้หลงเชื่อในเหตุการณ์ที่ไม่จริง ซึ่งจะทำให้การประมาณการเสี่ยงภัยผิดพลาด มิฉะนั้นสัญญานั้นจะ
ก. โมฆียะ
ข. โมฆะ
ค. สมบูรณ์
ง. สมบูรณ์ แต่ผู้รับประกันภัยมีสิทธิเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นอีก
การวิเคราะห์โจทย์และคำตอบ 🕵️♂️
โจทย์ข้อนี้ถามถึงผลของสัญญาประกันภัยเมื่อผู้เอาประกันภัย "ไม่เปิดเผยข้อความจริงโดยสุจริตอย่างยิ่ง" ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่เรียกว่า หลักความสุจริตใจอย่างยิ่ง (Utmost Good Faith)
เมื่อผู้เอาประกันภัยไม่เปิดเผยข้อความจริงที่เป็นสาระสำคัญ (เช่น ประวัติสุขภาพ, อาชีพ, พฤติกรรมเสี่ยง) บริษัทประกันภัยจะไม่สามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้องและอาจรับประกันโดยที่ถ้าทราบความจริงแล้วจะไม่รับ หรืออาจจะคิดเบี้ยประกันภัยในอัตราที่สูงกว่าเดิม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 กำหนดไว้ว่า:
ดังนั้น ผลของสัญญานั้นคือบริษัทประกันภัยมีสิทธิบอกล้างสัญญาให้เป็นโมฆะได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
เรามาดูแต่ละตัวเลือกกันครับ:
ก. โมฆียะ:
นี่คือคำตอบที่ถูกต้องที่สุด ตามกฎหมาย สัญญาจะเป็นโมฆียะ ซึ่งหมายความว่าสัญญาเกิดและมีผลบังคับใช้ได้จนกว่าจะถูกบอกล้างโดยฝ่ายผู้รับประกันภัย (บริษัทประกัน)
ข. โมฆะ:
คำว่า "โมฆะ" หมายถึงสัญญานั้นเสียเปล่ามาตั้งแต่ต้นเสมือนไม่เคยมีสัญญาเกิดขึ้นเลย ซึ่งไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายประกันภัย
ค. สมบูรณ์:
ไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อมีการปกปิดข้อความจริง สัญญาจะไม่สมบูรณ์ บริษัทประกันภัยมีสิทธิบอกล้างสัญญาได้
ง. สมบูรณ์ แต่ผู้รับประกันภัยมีสิทธิเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นอีก:
แม้ว่าในทางปฏิบัติบริษัทประกันอาจจะพิจารณาเรียกเก็บเบี้ยเพิ่ม แต่ผลทางกฎหมายที่ถูกต้องคือสัญญานั้นเป็นโมฆียะ ซึ่งบริษัทสามารถเลือกที่จะบอกล้างสัญญาได้ ไม่ใช่แค่การเรียกเก็บเบี้ยเพิ่มเท่านั้น
คำตอบที่ถูกต้องที่สุด
✅ ก. โมฆียะ
เหตุผล
ตามหลัก ความสุจริตใจอย่างยิ่ง (Utmost Good Faith) และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากผู้เอาประกันภัยจงใจปกปิดข้อเท็จจริงที่เป็นสาระสำคัญที่บริษัทใช้ในการพิจารณารับประกันภัย สัญญาประกันภัยนั้นจะมีผลเป็น "โมฆียะ" ซึ่งหมายความว่าบริษัทประกันมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ และถ้าเกิดการเรียกร้องค่าสินไหม บริษัทก็อาจจะไม่ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนครับ.
ข้อ 007 คำว่า “ความรับผิดส่วนแรก (Deductible)” หมายถึง
ก. จำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนส่วนแรกที่บริษัทประกันภัยต้องรับผิด
ข. จำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง
ค. ส่วนลดเบี้ยประกันภัย
ง. ส่วนลดอุปกรณ์ดับเพลิง
การวิเคราะห์โจทย์และคำตอบ 🕵️♂️
โจทย์ข้อนี้ถามถึงความหมายของคำว่า “ความรับผิดส่วนแรก (Deductible)” ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใช้กันทั่วไปในการประกันวินาศภัย (เช่น ประกันรถยนต์, ประกันอัคคีภัย)
หลักการของ Deductible คือการกำหนดให้ผู้เอาประกันภัยมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก่อนที่บริษัทประกันจะเข้ามาจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดจำนวนการเรียกร้องค่าเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ และส่งเสริมให้ผู้เอาประกันภัยดูแลทรัพย์สินของตนเองมากขึ้น
เรามาพิจารณาแต่ละตัวเลือกเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องที่สุดครับ:
ก. จำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนส่วนแรกที่บริษัทประกันภัยต้องรับผิด:
ข้อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะ Deductible คือส่วนที่ ผู้เอาประกันภัย ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ส่วนที่บริษัทประกันต้องรับผิดชอบ
ข. จำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง:
นี่คือคำนิยามที่ถูกต้องและตรงตามหลักการของ Deductible มากที่สุด มันคือเงินจำนวนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องควักกระเป๋าจ่ายเองเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น และส่วนที่เกินจากจำนวนนี้ บริษัทประกันจึงจะรับผิดชอบชดใช้ให้
ค. ส่วนลดเบี้ยประกันภัย:
ข้อนี้ไม่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าการเลือกทำประกันโดยมี Deductible ที่สูงขึ้นจะทำให้เบี้ยประกันถูกลง แต่ Deductible ไม่ใช่ตัวส่วนลดเบี้ยประกันภัยโดยตรง เป็นเพียงเงื่อนไขหนึ่งที่ส่งผลต่อการคำนวณเบี้ยประกันเท่านั้น
ง. ส่วนลดอุปกรณ์ดับเพลิง:
ข้อนี้ไม่ถูกต้องและไม่มีความเกี่ยวข้องกับความหมายของ Deductible เลย
คำตอบที่ถูกต้องที่สุด
จากที่วิเคราะห์มา ตัวเลือก ข. เป็นเพียงข้อเดียวที่ให้ความหมายของ "ความรับผิดส่วนแรก (Deductible)" ได้อย่างถูกต้อง
✅ ข. จำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง
เหตุผล
Deductible คือกลไกที่บริษัทประกันใช้เพื่อแบ่งปันความเสี่ยงกับผู้เอาประกันภัย โดยกำหนดให้ผู้เอาประกันภัยมีส่วนร่วมรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรกตามที่ระบุในกรมธรรม์ก่อนที่บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน เช่น หากรถยนต์ทำประกันแบบมี Deductible 5,000 บาท เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เสียหาย 30,000 บาท ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ 5,000 บาทแรก และบริษัทประกันจะจ่ายค่าซ่อมให้ในส่วนที่เหลือคือ 25,000 บาทครับ
ข้อ 006 ข้อใดคือหลักการของการประกันภัยที่กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องเปิดเผยข้อความจริงโดยสุจริตอย่างยิ่ง
ก. ข้อความจริงเหล่านั้นอยู่ในความรู้เห็นของผู้เอาประกันภัยแต่เพียงฝ่ายเดียว
ข. ข้อความจริงเหล่านั้นอยู่ในความรู้เห็นของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัย แต่เป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องเปิดเผยข้อความจริงนั้นให้ผู้รับประกันภัยทราบโดยกฎหมาย
ค. ข้อความจริงเหล่านั้นเป็นข้อความจริงที่ผู้รับประกันภัยจะใช้พิจารณาเพื่อตัดสินใจเข้ารับการเสี่ยงภัยหรือไม่ และคิดเบี้ยประกันภัยเท่าใด
ง. ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ค.
การวิเคราะห์โจทย์และคำตอบ 🕵️♂️
โจทย์ถามถึง "หลักการของการประกันภัยที่กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องเปิดเผยข้อความจริงโดยสุจริตอย่างยิ่ง" ซึ่งหลักการนี้เรียกว่า หลักความสุจริตใจอย่างยิ่ง (Utmost Good Faith)
หลักการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในสัญญาประกันภัย เพราะข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณารับประกันภัยนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในความรู้ของผู้เอาประกันภัยแต่เพียงฝ่ายเดียว บริษัทประกันไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดได้ด้วยตนเอง
มาพิจารณาแต่ละตัวเลือกเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องที่สุดครับ:
ก. ข้อความจริงเหล่านั้นอยู่ในความรู้เห็นของผู้เอาประกันภัยแต่เพียงฝ่ายเดียว:
นี่คือเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ต้องมีหลักความสุจริตใจอย่างยิ่ง เพราะหากผู้เอาประกันภัยปกปิดข้อความจริงที่อยู่ในความรู้ของตน บริษัทประกันก็ไม่สามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นข้อนี้จึงถูกต้อง
ข. ข้อความจริงเหล่านั้นอยู่ในความรู้เห็นของผู้เอาประกันภัยและผู้รับประกันภัย แต่เป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องเปิดเผยข้อความจริงนั้นให้ผู้รับประกันภัยทราบโดยกฎหมาย:
ข้อความส่วนแรกไม่ถูกต้อง เพราะถ้าข้อมูลอยู่ในความรู้ของทั้งสองฝ่าย ก็ไม่จำเป็นต้องมีหลักความสุจริตใจอย่างยิ่ง เพราะบริษัทสามารถหาข้อมูลนั้นได้เอง
ค. ข้อความจริงเหล่านั้นเป็นข้อความจริงที่ผู้รับประกันภัยจะใช้พิจารณาเพื่อตัดสินใจเข้ารับการเสี่ยงภัยหรือไม่ และคิดเบี้ยประกันภัยเท่าใด:
นี่คือวัตถุประสงค์ของการเปิดเผยข้อความจริงตามหลักความสุจริตใจอย่างยิ่ง เพราะบริษัทประกันใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อตัดสินใจว่าจะรับประกันหรือไม่ และจะคำนวณเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยงนั้น ๆ อย่างไร ดังนั้นข้อนี้จึงถูกต้อง
ง. ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ค.:
จากที่วิเคราะห์มาจะเห็นว่าทั้งข้อ ก. และข้อ ค. ต่างก็เป็นเหตุผลที่ถูกต้องที่อธิบายถึงหลักความสุจริตใจอย่างยิ่งได้อย่างสมบูรณ์
คำตอบที่ถูกต้องที่สุด
เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วทั้งข้อ ก. และ ค. ต่างก็เป็นคำอธิบายที่ถูกต้องของหลักความสุจริตใจอย่างยิ่ง ทำให้คำตอบที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ที่สุดคือข้อ ง.
✅ ง. ถูกทั้งข้อ ก. และข้อ ค.
เหตุผล
หลักความสุจริตใจอย่างยิ่ง (Utmost Good Faith) มีขึ้นเพราะ (ก.) ข้อมูลที่สำคัญต่อการพิจารณารับประกันภัยอยู่ในความรู้ของผู้เอาประกันภัยเพียงฝ่ายเดียว และ (ค.) ข้อมูลเหล่านั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของบริษัทประกันว่าจะรับประกันภัยหรือไม่ และจะเรียกเก็บเบี้ยประกันเท่าใดนั่นเองครับ.